Скачать или смотреть แม่ฮ่องสอน​ วอน ครม.แก้ไขปัญหาการพัฒนาที่ติดพรบ.ป่าสงวนและอุทยาน

Enews​ข่าว​ทั่ว​ไทย​ไป​ทั่วโลก
ทศพล​ ผู้​สื่อ​ข่าว​
จ.แม่ฮ่องสอน​

วอน ครม.แก้ไขปัญหาการพัฒนาที่ติดพรบ.ป่าสงวนและอุทยาน

ชมรม นายก อบต.แม่ฮ่องสอน เข้ายื่นหนังสือต่อ ผวจ.แม่ฮ่องสอน เพื่อส่งต่อไปถึงนายกรัฐมนตรี เนื่องจากต้องการให้แก้ไขปัญหาการจัดทำโครงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาคุณภาพชีวิตและการให้บริการสาธารณะขั้นพื้นฐานในเขตป่าของ อบต.ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ยังตกค้างกว่า 6 หมื่นโครงการเนื่องจากติดขัดข้อกฎหมายและระเบียบของกรมป่าไม้และกรมอุทยาน ทำให้ไม่สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้กับประชาชนได้

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 เวลา 09.00 น. นายอุกฤษณ์ แสงงาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปางหมู / ประธานชมรมนายกองค์การบริหารส่วนตำบลจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในนามตัวแทน อบต.ทุกแห่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 42 แห่ง พร้อมด้วยนายกอบต.ทุกแห่ง ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผวจ.แม่ฮ่องสอน บริเวณศาลาประชาคมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อผ่านไปถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เนื่องจากต้องการให้แก้ไขปัญหาการจัดทำโครงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาคุณภาพชีวิตและการให้บริการสาธารณะขั้นพื้นฐานในเขตป่าของ อบต.ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ติดขัด ข้อกฎหมาย พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ และพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ต่างมีข้อห้ามจน อบต.ไม่สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ แม้กระทั่งการซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนคือร้อยละ 98 อยู่ในเขตป่าตามกฎหมาย ทำให้โครงการนับพันโครงการต้องขออนุญาตให้ใช้พื้นที่ป่าจากหน่วยงานที่ดูแลตามกฎหมายนั้นก่อน จึงมีโครงการจำนวนมากตกค้างไม่สามารถดำเนินการได้เพราะขั้นตอนการอนุมัติของหน่วยงานเหล่านั้นต้องใช้เวลานาน ส่งผลให้การพัฒนาไม่เป็นไปตามแผนหรือโครงการที่วางไว้

นอกจากการทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว ทางชมรมนายก อบต.แม่ฮ่องสอน ยังได้ยื่นหนังสือถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 คนคือนายปกรณ์ จีนาคำ สส.พรรคพลังประชารัฐ , นายสมบัติ ยะสินธุ์ สส.พรรคประชาธิปัตย์ และ นายเลาฟั้ง บิณฑิตเทิดสกุล สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เพื่อขอให้ช่วยผลักดันหาทางแก้ไข

ปัจจุบันยังมีโครงการที่ค้างการพิจารณาของหน่วยงานกว่า 60,000 โครงการ ดังนั้นชมรมนายก อบต.แม่ฮ่องสอนจึงเห็นว่าควรเสนอให้มีมติคณะรัฐมนตรีผ่อนผันการเข้าดำเนินการในพื้นที่ในเขตป่าโดยอนุโลมหรือใช้อำนาจทางบริหารสั่งการใดๆเพื่อผ่อนผัน หรือกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา

​