ย้อนกลับไปยังช่วงปี 2003-2005 นับเป็นปีทองของ Toyota อย่างแท้จริง เพราะแบรนด์ Toyota ในขณะนั้นสามารถสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ตัวเองให้ดูสดใหม่ ทันสมัยและอยู่ในระดับที่ดีกว่าที่เคยเป็นมา อีกทั้งยอดขายรถยนต์ Toyota ในยุค 2000 ต้น ๆ มียอดขายที่แซงคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง Honda อย่างเห็นได้ชัด
ถ้าวิเคราะห์เจาะลึกถึงตลาดรถยนต์ B-Segment ก็พบว่าในปี 2004-2005 นั้น ยอดขายรถยนต์ Honda City และ Jazz มียอดขายรวมกันถึงจะพอเทียบเคียงกับ Toyota Vios ในหลาย ๆ เดือน ถ้าในเมื่อ Honda ประสบความสำเร็จกับการรุกตลาด B-Segment Hatchback อย่าง Honda Jazz และถ้า Toyota จะรุกตลาดรถประเภทเดียวกันบ้าง ก็มีแนวโน้มว่าจะสามารถทำยอดขายเหนือว่า Honda โดยรวมไปไกลอีก
Toyota จึงตัดสินใจขึ้นสายการผลิต Yaris Generation ที่ 2 ในประเทศไทยพร้อมเปิดตัวในเดือนมกราคม 2006 ด้วยสโลแกน Be Groovy ชูจุดขายด้านการออกแบบสไตล์ Funky ที่มีแนวคิดการออกแบบ Vibrant Clarity ซึ่งดูแล้วก็ดูเร้าใจขึ้นกว่ารถยนต์ Toyota ที่จำหน่ายในระหว่างปี 2001-2005 หลายรุ่น
นอกจากจุดขายดีไซน์ภายนอกที่แปลกแหวกแนวจากรถยนต์ Toyota ในยุคนั้นแล้ว การออกแบบภายในห้องโดยสารที่เอาใจคนรุ่นใหม่ และเพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยการติดตั้งเบาะนั่งหลังที่สามารถเลื่อนสไลด์ได้ และเมื่อต้องการพื้นที่สัมภาระใหญ่โต ก็แค่พับเบาะหลังให้ราบเรียบได้
แต่ต้องยอมรับว่า แม้ Toyota Yaris มีภายในห้องโดยสารกว้างขวางไม่แตกต่างจากคู่แข่งมากนัก แต่ Honda ก็ยังสู้การพับเบาะมหัศจรรย์ของ Magic Seat ที่ติดตั้งใน Honda Jazz ไม่ได้เลย อีกทั้งเนื้อที่เหนือศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหลังของ Yaris ค่อนข้างจะเฉี่ยวขอบเพดานตัวรถอยู่ เนื่องจากตัวรถเน้นที่ดีไซน์โฉบเฉี่ยว กะทัดรัดเป็นหลัก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรนัก เพราะถ้าลูกค้าวัยรุ่นรู้สึกชอบรถคันไหนจริง พวกเขาจะไม่สนจุดด้อยเล็ก ๆ น้อย ๆ และยินดีที่จะซื้อ ถ้ารถสวยจริง
จุดขายที่สำคัญมากคือ Toyota Yaris ติดตั้งเครื่องยนต์เดียวกับ Toyota Vios รหัส 1NZ-FE VVT-i 1500 ซีซี DOHC 16 วาล์ว 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตรที่ 4,200 รอบต่อนาที มาให้ครบทุกรุ่น แตกต่างจาก Honda Jazz ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-DSI 88 แรงม้า ในรุ่นล่าง-กลาง ส่วนเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร VTEC จะมาในรุ่นกลาง-บน
ลูกค้า Toyota Yaris สามารถเลือกได้ทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะและเกียร์อัตโนมัติ Super ECT แบบ Gate Type, ระบบกันสะเทือนหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัท และระบบกันสะเทือนหลังแบบทอร์ชั่นบีม, พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ด้วยวงล้อที่แคบสุดเพียง 4.7 เมตร
จุดขายใหม่อีกข้อที่ Toyota เริ่มนำมาใช้จนกลายเป็นวิวัฒนาการจนถึงวันนี้ คือ จุดขายด้านความปลอดภัยที่ Toyota กล้าติดตั้งถุงลมนิรภัย, ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD เป็นอุปกรณ์มาตรฐานครบทุกรุ่น ขณะที่ Honda Jazz ติดตั้งถุงลมนิรภัยและระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก BA ในบางรุ่น
ยังไม่พอพวกเขายังชูออพชั่น เข็มขัดนิรภัย ELR แบบ 3 จุดทุกที่นั่ง พร้อมกลไกดึงกลับและผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ ในเข็มขัดนิรภัยคู่หน้า เบาะนั่งแบบ WIL Concept ช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการชนด้านหลัง ลดอาการบาดเจ็บบริเวณต้นคอ และแผ่นหลังตอนบน ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED และกุญแจรีโมต Immobilizer
Toyota ได้วางตำแหน่ง Yaris ชนกับ Honda Jazz VTEC ตรง ๆ เพราะมีกำลังเครื่องที่ใกล้เคียงกันมาก และอีกทั้ง Toyota ตั้งราคา Yaris รุ่นต่อรุ่นไว้ต่ำกว่า Honda Jazz VTEC
เริ่มจาก
1.5E เกียร์ธรรมดา 599,000 บาท
1.5E เกียร์ AT 634,000 บาท
1.5G เกียร์ AT 699,000 บาท
1.5G Limited เกียร์ AT 739,000 บาท
1.5S เกียร์ AT 719,000 บาท
1.5S Limited เกียร์ AT 749,000 บาท
เมื่อเทียบกับ Honda Jazz VTEC
รุ่นเกียร์ธรรมดา 622,000 บาท
เกียร์ CVT 657,000 บาท
รุ่นเกียร์อัตโนมัติ พร้อมระบบเบรก ABS ราคา 690,000 บาท
มีรุ่นแต่งพิเศษ Cool เพิ่มอีกประมาณ 1.3 หมื่นบาท หรือราว 703,000 บาท
จากสังเกตการณ์พบว่า Toyota วางรุ่นย่อยให้แก่ Yaris เพื่อครอบคลุมทุกความต้องการมาก โดยเกรด G Limited จะมาพร้อมกับ เบาะผ้าดีไซน์สปอร์ต,ปุ่มสตาร์ท,ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry และเกรด S Limited เอาใจผู้รักการขับขี่ มาพร้อมชุดแต่งสเกิร์ตด้านข้าง,สเกิร์ตกันชนด้านหลัง,สเกิร์ตกันชนหน้า,สปอยเลอร์บนหลังคา,ไฟหน้าแบบ HID ,ชุดแต่งภายในแบบสปอร์ต โทนสีดำ พร้อมตกแต่งแผงคอนโซลกลางแบบ Black Glossy Sport , พวงมาลัยสปอร์ตหุ้มหนังแท้,เบาะผ้าดีไซน์สปอร์ต,หัวเกียร์หุ้มหนัง,ดิสก์เบรก 4 ล้อ ,ล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว ,ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต..โช้คอัพและสปริงปรับแต่งพิเศษ ทำให้เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ
ดูจุดขายทั้งหมดทั้งมวลแล้วดูเหมือนว่า Toyota ประเทศไทยจะคาดหวังความสำเร็จของ 2006 Yaris ค่อนข้างมาก ถึงขั้นตั้งเป้าขายสูงถึง 9,000 คัน ใน 3 เดือนแรกของการเปิดตัว หรือประมาณเดือนละ 3,000 คัน นับว่าสูงมาก เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตลาดรถ Hatchback 5 ประตูเพิ่งกลับมาได้รับความนิยม แต่ Toyota ก็วางตำแหน่งทางการตลาดให้ Yaris เป็นรถพรีเมี่ยมขนาดเล็กที่มีอุปกรณ์มาตรฐานอัดแน่นที่ไม่แตกต่างจากรถเกรดสูงกว่า (และอาจจะดีกว่าเมื่อเทียบกับรถบางรุ่นบางยี่ห้อ)
แต่ทว่า จุดขายทั้งหมด ก็ยังไม่อาจเอื้อมเข้าไปยังผู้คนส่วนมากได้ เพราะเมื่อยอด 3 เดือนได้ไม่ถึง 50% ของเป้าที่วางไว้ แต่ถึงแม้ตัวรถจะขายไม่ดีอย่างคาดหวัง แต่ยอดขายของ Toyota Yaris หลาย ๆ เดือนก็ยังสูงกว่า Honda Jazz จนกระทั่ง Honda เตรียมเปิดตัว Jazz โฉมที่ 2 ในเดือนมีนาคม 2008 จนน่าจะทำให้ชื่อชั้นของ Toyota Yaris ตกเป็นรอง Toyota ต้องรีบออก J grade ราคาเริ่มเร้าใจที่ 524,000 บาท เพื่อหวังเพิ่มยอดขายจาก 800 คันเป็น 1,200 คัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2008
Информация по комментариям в разработке