รีวิว-เจาะลึก 2018 Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) ราคา 1.699 ล้านบาท

Описание к видео รีวิว-เจาะลึก 2018 Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) ราคา 1.699 ล้านบาท

ชมการรีวิวแบบเจาะลึก Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) รุ่นปี 2018 ว่ารถกระบะรุ่นนี้ มีดีตรงไหน?!

เรนเจอร์ แร็พเตอร์มาพร้อมกับระบบ Terrain Management System (TMS) สำหรับโหมดการขับขี่ทั้งหมด 6 รูปแบบ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดจากปุ่มบนพวงมาลัย ซึ่งแต่ละโหมดได้รับการทดสอบ และปรับแต่งอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เทคโนโลยีทั้งหมดทำงานประสานกันอย่างดีที่สุด ผู้ขับขี่จึงสามารถควบคุมรถได้ดั่งใจในแต่ละสภาพโหมดการขับขี่ อันประกอบด้วย

โหมดการขับขี่ทางเรียบ 2 โหมด คือ

โหมดปกติ – เน้นความสบาย นุ่มนวล และประหยัดน้ำมัน

โหมดสปอร์ต – ตอบโจทย์ผู้ที่มีใจรักการขับขี่ทางเรียบ เน้นการเปลี่ยนเกียร์เร็วและฉับไวในขณะที่รอบเครื่องสูง พร้อมทั้งค้างรอบเครื่องสูงไว้ เพื่อให้การตอบสนองคันเร่งที่ดีขึ้น อย่างที่ผู้ขับขี่ต้องการ

โหมดการขับขี่ออฟโรด 4 โหมดคือ

โหมดหญ้า/กรวดหิน/หิมะ – ออกแบบมาให้ขับขี่บนทางออฟโรดที่มีพื้นผิวลื่น และเป็นหลุมบ่อ โดยระบบจะทำการเปลี่ยนเกียร์อย่างนุ่มนวลขึ้น พร้อมทั้งออกตัวด้วยเกียร์สอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัย และลดอัตราการลื่นไถลของล้อ

โหมดโคลน/ทราย – ระบบจะปรับการตอบสนองของระบบควบคุมการลื่นไถลให้เหมาะสมกับพื้นผิวที่มีความลึกและสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างพื้นทรายและโคลน ด้วยการใช้เกียร์ต่ำที่มีแรงบิดสูง

โหมดหิน – ใช้เมื่อขับขี่บนพื้นผิวในเขตภูเขาที่ลาดชัน ต้องใช้ความเร็วต่ำ และเน้นการควบคุมรถให้ขับเคลื่อนอย่างช้าๆ

โหมดบาฮา – ระบบจะปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เหมาะกับการขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูง เสมือนนักแข่งแรลลี่กลางทะเลทรายบาฮาอันเลื่องชื่อ โดยระบบป้องกันล้อหมุนฟรีจะถูกตัดการทำงาน เพื่อไม่ให้แทรกแซงการทำงานของเครื่องยนต์ รวมทั้งเกียร์จะถูกปรับให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด ระบบจะค้างรอบเครื่องไว้นานขึ้น และเปลี่ยนเกียร์ลง ได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม

ขุมพลังแห่งการขับเคลื่อน

ระบบส่งกำลังของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ที่ให้กำลังและแรงบิดที่เหนือกว่า ประหยัดน้ำมันมากขึ้น น้ำหนักน้อยลง รวมถึงการปรับประสานเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ เพลา พวงมาลัย เบรก และระบบควบคุมพวงมาลัยแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Steering Program) สำหรับการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะ

นวัตกรรมครั้งสำคัญนี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงสมรรถนะและการตอบสนองอันยอดเยี่ยมของเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ดีเซลใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร ในเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ที่มอบพละกำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 500 นิวตันเมตร

ทีมวิศวกรของฟอร์ดได้ทำการทดสอบระบบส่งกำลังแบบใหม่อย่างเข้มข้น เพื่อให้มั่นใจในความแข็งแกร่งและทนทาน

การทดสอบ เทอร์โมไซเคิล (Thermo cycle) นี้ เป็นการทำให้เทอร์โบทั้ง 2 ลูกร้อนจัด จนกลายเป็นสีแดงนาน 200 ชั่วโมงติดต่อกัน ด้วยลูกปืนเทอร์โบที่มีประสิทธิภาพ และเทอร์โบแรงดันต่ำที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ จึงทำให้เครื่องยนต์สามารถทนต่ออุณหภูมิระดับสูงมากได้

ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างเทอร์โบแรงดันสูง (HP) ที่เชื่อมต่อกับเทอร์โบแรงดันต่ำ (LP) ที่มีขนาดใหญ่กว่า และถูกควบคุมด้วยวาล์วบายพาส ที่ทำหน้าที่ควบคุมลำดับการทำงานของเทอร์โบทั้งสองลูก โดยขึ้นอยู่กับความเร็วของเครื่องยนต์ เมื่อรอบเครื่องยนต์ต่ำ เทอร์โบทั้ง 2 ตัว จะทำงานตามลำดับ เพื่อช่วยเพิ่มแรงบิดและการตอบสนอง เมื่อช่วงรอบเครื่องยนต์สูง อากาศจะไม่ไหลผ่านเทอร์โบแรงดันสูง ทำให้เทอร์โบแรงดันต่ำที่ใหญ่กว่า ช่วยเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น

เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งนำมาจากเอฟ-150 แร็พเตอร์ ผลิตจากวัสดุเหล็กกล้า อะลูมิเนียมอัลลอยและคอมโพสิท เพื่อให้มีความทนทานและมีน้ำหนักเบา และเนื่องจากเกียร์มีทั้งหมด 10 จังหวะ ทำให้มีอัตราทดที่แคบลง จึงส่งผลให้มีอัตราเร่งและการตอบสนองที่ดีขึ้น และทีมวิศวกรก็สามารถออกแบบระบบเกียร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่เคย ทำให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น

ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ มาพร้อมกับอัลกอริทึมที่เรียนรู้รูปแบบการขับขี่ ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้มั่นใจว่า รถได้เลือกเกียร์ที่เหมาะสมที่สุด ระบบเกียร์อัตโนมัติลูกนี้ยังมีคุณสมบัติพิเศษที่เรียกว่า ‘Live in Drive’ ที่สามารถให้ผู้ขับขี่ใช้แป้น Paddle Shift เพื่อควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองได้ทุกเมื่อ แม้กระทั้งอยู่ในเกียร์ D ติดตามช่องของเราทาง Facebook ได้ที่   / cardebuts-891205251089964  
หรือเว็บไซต์ https://cardebuts.com/

Комментарии

Информация по комментариям в разработке