๐ บอนสี
๐ ชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific name): Caladium bicolor
ชื่อสกุล “Caladium” มาจากภาษามาเลย์ซึ่งเขียนเป็นภาษาละติน โดยมีชื่อภาษามาเลย์ว่า “Kaladi”
สำหรับชื่อชนิดพันธุ์ “bicolor” หมายถึง “สองสี” แสดงสัณฐานของบอนสี มีสีของใบสองสีขึ้นไป
๐ ชื่อสามัญ (Common Name): Caladiums, Angel wings, Fancy-leaved Caladium, Malanga, Mother-in-law Plant, Pai Pink Cloud Stoplight, Taro, Texas Wonder
๐ ชนิด (Type): พืชหัว (Bulb)
๐ วงศ์ (Family): Araceae
๐ ถิ่นกำเนิด (Native Range) : อเมริกากลาง และอเมริกาใต้
เป็นพืชพื้นเมือง: ในอาร์เจนตินาตะวันตกเฉียงเหนือ, โบลิเวีย, บราซิลเหนือ, บราซิลตะวันออกเฉียงเหนือ, บราซิลใต้, บราซิลตะวันออกเฉียงใต้, บราซิลตะวันตกกลาง, โคลัมเบีย, คอสตาริกา, เอกวาดอร์, กายอานา, ฮอนดูรัส, นิการากัว, ปานามา, เปรู, ซูรินาเม, เวเนซุเอลา
กระจายพันธุ์มายัง: อันดามันคือ., อัสสัม, บังคลาเทศ, เบนิน, บูร์กินา, เคย์แมน แอฟริกากลาง, คิวบา, สาธารณรัฐโดมินิกัน, กาบอง กินี, กินี - บิลิเบอ, อ่าวกินี, อ่าวกินี เฮติ, อินเดีย, เกาหลี, มาลายา, นิโคบาร์คือ, เปอร์โตริโก, เซเชลส์, สังคมคือ, โตโก, ตรินิแดด - โตเบโก, เวเนซุเอลา
ในบางประเทศ อาทิ ตรินิแดดและโตเบโก กวม ไมโครนีเซีย ปาเลา ฮาวายและฟิลิปปินส์ ขึ้นทะเบียนบอนสีว่าเป็นต้นไม้ที่คุกคามการเจริญเติบโตของพืชพื้นถิ่น
ในประเทศไทยเชื่อกันว่าบอนสีเข้ามาตอนสมัยสุโขทัย และอีกครั้งในในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป และได้ทรงนำบอนสีเข้ามาปลูกในประเทศไทยไว้หลายสายพันธุ์ โดยเป็นพืชที่นิยมมากในอดีต จนถึงปัจจุบันเพราะมีความสวยงามของใบและสามารถผสมพันธุ์ให้เกิดสีของใบใหม่ได้อย่างหลากหลาย
๐ ความสูงของทรงพุ่ม (Height) : 30-75 เซนติเมตร
๐ ความกว้างของทรงพุ่ม: 30-75 เซนติเมตร
๐ ระยะเวลาดอกบาน (Bloom Time): ออกดอกทั้งปี เมื่อดอกบานจะมีกลิ่นหอม มีช่อดอกเชิงลดมีกาบ (Spadix) มีดอกไม่สมบูรณ์เพศ โดยมีดอกตัวผู้และดอกตัวเมียแยกกัน หรือดอกเพศเดียว (Unisexual flower) ดอกตัวเมียอยู่ด้านล่างมีกระเปาะสีเขียวหุ้ม โดยดอกตัวผู้และตัวเมียในดอกเดียวกันจะบานไม่พร้อมกัน การผสมพันธุ์เผื่อได้พันธุ์ใหม่จึงทำได้ง่ายและหลากหลายมากจากการนำเกสรตัวผู้จากต้นอื่นมาผสม
๐ ความต้องการแสง (Sun): แดดครึ่งวัน ถึงได้รับแดดบางส่วนของวัน ร่มรำไรที่มีแสงจ้า อย่างไรก็ตามสามารถปลูกในพื้นที่ร่มมากๆได้ หากวางไว้ในพื้นที่ร่มมากเป็นระยะเวลานานจะมีสีของใบแตกต่างกันน้อยลง เนื้อใบบาง
๐ ความต้องการน้ำ (Water): ปานกลาง ควรรดน้ำให้รักษาความชื้นได้ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเข้าใกล้ฤดูหนาว หากบอนสีสัมผัสได้ว่ามีความชื้นลดน้อยลงก็จะเข้าสู่ระยะการพักตัวได้ง่าย คือ ใบเหี่ยวฟุบลง จนหายไปทั้งหมดในที่สุด น่าจะกลับมางอกใบใหม่เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน
๐ การดูแลรักษา (Maintenance): ปานกลาง การวางในพื้นที่มีแสงจ้าพอสมควรจะช่วยให้มีสีแตกต่างกันอย่างแจ่มชัด
๐ การใช้งานที่แนะนำ (Suggested Use): ปลูกเป็นไม้กระถางเพื่อโชว์ใบ ปลูกในสวนชื้นเพื่อสร้างสีสันให้กับสวน ปลูกเป็นแปลง เพื่อสร้างความสว่างให้กับสวน
๐ ใบไม้ (Leaf): ใบเดี่ยวรูปหัวใจ ปลายใบมน เกิดขึ้นจากหัวสะสมอาหารที่อยู่ใต้ดิน (Bulb) มีลำต้นแท้สั้น ๆ อยู่บริเวณรอยต่อระหว่างหัวสะสมอาหารและก้านใบ โดยมีรูปหัวใจ (Cordate) แผ่นใบมีส่วนกว้างใกล้ฐานใบแล้วค่อยเรียวแหลมไปทางปลายใบ ก้านใบติดตรงฐานใบที่เว้าเข้าไป ฐานใบหยักเว้าเป็นรูปหัวใจ ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ไม่มีหลากหลายสีสันตามแต่ชนิดพันธุ์
๐ การเพาะปลูก (Culture)
บอนเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอินทรีย์วัตถุ มีความสามารถในการระบายน้ำได้ดี รักษาความชื้นได้ดี การถ่ายเทอากาศของดินได้ดีด้วยเช่นกัน เติบโตได้ดีในดินที่เป็นกรดอ่อน ๆ ทำให้สีของใบแจ่มชัดขึ้น การขยายพันธุ์สามารถทำได้ด้วยการเพาะเมล็ด การแบ่งหัว และการผ่าหัวสะสมอาหาร
๐ ปัญหา (Problems)
ไม่ค่อยมีโรคและแมลงที่เป็นสตูร้ายแรงเข้าทำลาย ในช่วงฤดูฝนให้ระมัดระวังการโจมตีของทาก และหอยทาก เนื่องจากเป็นไม้โชว์ใบการทำลายใบจะลดความสวยงามลงมาก อีกทั้งอาจพบเจอปัญหาจากลมแรงสร้างความเสียหายใบที่ค่อนข้างเปราะบางและอาจได้รับความเสียหายจากลมหรือลูกเห็บได้ง่าย
๐ คติความเชื่อแต่โบราณนานมาเรียกขานคนที่ปลูกอะไรก็งาม ปลูกอะไรก็ขึ้นว่าเป็นคน “มือเย็น” ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า “Green Thumb” หรือพวกหัวแม่โป้งเขียว ก็คือคนมือเย็นน้่นเอง
๐ Muuyehn Studio หรือ มือเย็นสตูดิโอ เป็นช่องที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจให้คนทั้งมือเย็น มือไม่เย็น มืออุ่น มือร้อน มือไหนๆ ก็ปลูกต้นไม้ได้งอกงามดี ขอแค่ทำความรู้จักและรักที่จะปลูก
ถึงปลูกแล้วตาย ปลูกแล้วโตช้าก็อย่าได้แคร์ ขอให้ปลูกกันต่อไปนะจ๊ะ
Информация по комментариям в разработке