หงส์ฟู่ สีสด ไม่มีใครเกิน พุ่มใบมีสีสัน เลี้ยงง่าย ได้เห็นดอกตลอดปี Loropetalum chinense ‘Rubrum'

๐ หงส์ฟู่

๐ ชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific name): Loropetalum chinense ‘Rubrum'
ชื่อสกุลมาจากภาษากรีกจากคำว่า “loron” หมายถึง สายรัด และ “petalon” หมายถึง ใบ หรือ กลีบดอก ที่นี้แสดงถึงสัณฐานของดอกที่มีลักษณะเหมือนสายรัด คือ มีกลีบดอกแคบยาว
ชื่อชนิดพันธุ์ ‘chinense’ หมายถึง พืชพื้นเมืองของจีน
ชื่อชนิดพันธุ์ย่อย ‘Rubrum’แสดงถึงชนิดพืชที่ได้จากการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ จนได้สีดอกชมพูอมแดง
๐ ชื่อสามัญ (Common Name): Chinese fringe-flower 
๐ ชนิด (Type): ไม้พุ่มใบกว้างไม่ผลัดใบ (Broadleaf evergreen shrubs)
๐ วงศ์ (Family): Hamamelidaceae
๐ ถิ่นกำเนิด (Native Range) : พื้นที่ป่าไม้ของจีน เอเชียตะวันออกออกเฉียงใต้ และญี่ปุ่น
๐ ความสูงของทรงพุ่ม (Height) : 90-180 เซนติเมตร
๐ ความกว้างของทรงพุ่ม: 90-180 เซนติเมตร
๐ ระยะเวลาดอกบาน (Bloom Time): ตลอดทั้งปี กลีบดอกย่อยมีสีชมพูอมแดง หรือสีแดงอมม่วง แม้ดอกมีขนาดเล็กแต่ออกดอกจำนวนมากสร้างความสุดใสให้กับทรงพุ่มได้ดีมาก
๐ ความต้องการแสง (Sun): แดดเต็มวัน หรืออาจจะเป็นพื้นที่ รับแดดบางส่วนของวัน โดยได้รับแดดอย่างน้อย 4 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน
๐ ความต้องการน้ำ (Water): ปานกลาง รดน้ำให้เพียงพอต่อการรักษาความชื้นได้ตลอดทั้งวัน
๐ การดูแลรักษา (Maintenance): ต่ำ หากต้องการควบคุมทรงพุ่ม ควรมีการเล็มกิ่งที่งอกออกมานอกทรงพุ่ม ทุก 15 ถึง 20 วัน จะทำให้ควบคุมทรงพุ่มได้ดีขึ้น
๐ การใช้งานที่แนะนำ (Suggested Use): ปลูกเป็นไม้พุ่มขนาดกลางประดับแปลงกลางแจ้ง โดยควบคุมทรงพุ่มให้อยู่ในระยะที่ต้องการ หรือปลูกเป็นไม้กระถางปลูกประดับกลางแจ้ง การปลูกเป็นไม้ประดับแปลงที่สร้างจุดเน้นจากการมีพุ่มใบสีสดใสแตกต่างจากใบไม้สีเขียว
๐ ใบไม้ (Leaf): ใบเดียวเรียงสลับบนกิ่ง ใบมีรูปไข่ (Ovate) มีส่วนกว้างที่สุดของแผ่นใบค่อนมาทางฐานใบแล้วค่อย ๆ เรียวไปทางปลายใบ มีปลายใบกลมมน เส้นใบชัด ใบแก่มีสีเขียวอมแดง (Reddish purple leaves) ใบอ่อนจะมีสีอ่อนค่อนข้างออกมาทางสีชมพูอมม่วง หลังใบมีสีเขียวด้าน

๐ การเพาะปลูก (Culture)
หงส์ฟู่เป็นต้นไม้ในเขตหนาวที่ชื่นชอบและเจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ของอินทรีย์วัตถุสูง มีความสามารถในการระบายน้ำดี แลสามารถถ่ายเทอากาศได้ดี ใบจะมีสีสดมากขึ้นเมื่อเติบโตในดินที่เป็นกรดอ่อน ๆ

๐ ปัญหา (Problems)
ไม่มีปัญหาโรคและแมลงศัตรูที่เขาทำร้ายอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดอาการเสียหายอย่างฉับพลัน แต่ควรระมัดระวังการปลูกเลี้ยงในดินเหนียวที่มีความสามารถในการกักเก็บน้ำดีจะทำให้เกิดโรคเน่าบริเวณรากได้ง่าย ระมัดระวังการปลูกในดินที่มี pH สูง หรือดินด่าง จะมีอาการใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือขาว จากการขาดสารสีเขียวหรือคลอโรฟิลล์ (Chlorosis) รวมไปถึงการถูกโจมตีด้วยแมลงบางชนิด เช่น ไร และเพลี้ย