ผู้พลัดถิ่นในรัฐกะเหรี่ยง ยังอพยพหนีภัยการสู้รบในป่า ศูนย์อพยอิตู่ท่า | The Reporter

ผู้พลัดถิ่นในรัฐกะเหรี่ยง ยังอพยพหนีภัยการสู้รบในป่า ศูนย์อพยอิตู่ท่า ขาดเสบียงอาหาร ที่จะอยู่ได้เพียง 1 สัปดาห์ จึงเรียกร้องขอ UN และไทย ช่วยเหลือเปิดทางส่งอาหารและสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ขณะที่สิ่งของช่วยเหลือจากคนไทย ยังมีการรวมกันที่บ้านแม่สามแลบรอนโยบายของไทยว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร โดยภาคประชาชนเสนอขอให้ตั้งศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน
ศูนย์อพยพอิตูท่า รัฐกะเหรี่ยง 1 สัปดาห์หลังเกิดการโจมตีทางอากาศของทหารพม่า มีฝนตก ผู้อพยพที่หลบหนีอยู่ตามป่า จึงต้องหาที่หลบฝน ท่ามกลางความหวาดกลัวระเบิดและการยิงปืนใหญ่ บางคนกลับมาที่บ้านพักในตอนกลางวัน แต่กลางคืนต้องกลับไปนอนในป่า
อย่างเช่นครอบครัวนี้ หอบหิ้วเสื้อผ้ากลับไปที่พักพิง ที่อาจเป็นที่ปลอดภัยในยามนี้ แต่ที่นอนแคร่ไม้ไผ่ ที่ไม่มีหลังคา ทำให้เด็กน้อยต่างบอกว่าไม่อยากได้ยินแล้วเสียงระเบิด ขณะที่แม่และยาย กำลังเป็นห่วงเรื่องอาหารที่เหลือเพียงแต่เกลือในซองมาม่าเท่านั้น
ในจำนวนผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ ที่อยู่ในศูนย์อพยพอิตูท่า และ อูแวโกล๊ะ รวมกว่า 2 พัน 300 คน ยังมีชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านมาหลบภัยในศูนย์อพยพอิตูท่าด้วย พวกเขาแบ่งปันอาหารที่มีกันไม่มาก เพื่อให้พอประทังชีวิต
เด็กน้อยคนนี้ต้องนำกระบวนมาตักน้ำในบ่อใส่ขวดพลาสติก น้ำจากลำห้วยที่แห้งขอด ต้องขุดเป็นบ่อเล็กเพื่อพอให้มีน้ำดื่ม เด็กน้อยนำน้ำสองขวดนี้มาให้แม่ของเธอปรุงอาหาร ที่พบว่า นอกจากใช้หุงข้าวแล้ว ในหม้อแกงมีเพียงน้ำเปล่า พริก และกล้วย เท่านั้น ครอบครัวนี้สร้างเพิงอยู่ริมห้วย เป็นที่หลบภัยมา 1 สัปดาห์แล้ว
ขณะที่ครอบครัวนี้ สร้างเพิงใบตอง ให้พอหลบฝน พ่อ แม่ และ ลูก กำลังทานมื้อเที่ยง ที่มีเพียงข้าวสวย และมันต้ม คลุกรวมกัน เป็นอาหารมื้อเดียวของวันนี้ พวกเขาเป็นหนึ่งในครอบครัวที่อพยพมาฝั่งไทยได้เพียง 2 วันก็ต้องกลับมาอยู่ในสภาพที่เห็น และต้องเผชิญกับฝันร้ายในทุกคืน เมื่อได้ยินเสียงระเบิดแล้วคิดว่าตัวเองนั้นตายไปแล้ว
นอกจากนี้ยังมีเด็ก ผู้ป่วย คนชรา อีกจำนวนมากที่ยังคงหลบภัย และการรักษาพยาบาลทำไม่ได้ในยามที่ต้องอพยพ ซึ่งหัวหน้าศูนย์อพยพอิตูท่า ขอบคุณรัฐบาลไทย ที่ช่วยเหลือรับผู้บาดเจ็บ แต่สิ่งจำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้คือ อาหาร และยา ที่ขาดแคลน จึงเรียกร้องขอให้ UN องค์กรระหว่างประเทศ และประเทศไทย เปิดช่องทางส่งเสบียงอาหารให้กับผู้อพยพในรัฐกะเหรี่ยง เนื่องจากเส้นทางเดียวที่เข้าถึงได้คือผ่านแม่น้ำสาละวินจากไทย
แม้ตลอดชีวิตชาวกะเหรี่ยงต้องต่อสู้เพื่อชาติพันธุ์ยาวนานถึง 72 ปี นานเท่าอายุของผู้อาวุโส เหตุโจมตีด้วยเครื่องบินของทหารพม่า เป็นสิ่งรุนแรงในรอบกว่า 20 ปีนับตั้งแต่พวกเขาต้องมาอยู่ที่ศูนย์อพยพอิตูท่า และต้องอพยพไปฝั่งไทย ซึ่งพวกเขายืนยันว่า หากต้องอพยพอีกก็คงเป็นเพียงชั่วคราว ไม่คิดอยู่ไทยอย่างถาวร เพราะพวกเขายังต้องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นจริง
นอกจากนี้ริมน้ำสาละวินในฝั่งรัฐกะเหรี่ยง ยังมีผู้อพยพอาศัยอยู่ เช่นกลุ่มนี้มี 21 คน เป็นเด็ก 9 คนในจำนวนนั้นเป็นเด็กทารกอายุ 3 เดือน และหญิงท้องแก่ 8 เดือน พวกเขาสร้างเพิงพักไม้ไผ่ มีผ่าใบเป็นหลังคา ส่วนอาหารมีมาม่าและข้าวสารที่ได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านคนไทยขณะอพยพมาก่อนถึงบ้านท่าตาฝั่ง แต่กำลังจะหมดลง พร้อมกับความเป็นห่วงหญิงตั้งครรภ์ ที่ล่าสุดมีคนหนึ่งต้องเสียชีวิตระหว่างเดินทางมาขอทำคลอดที่บ้านแม่สามแลบ

#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์
** ชอบการรายงานสดของ The Reporters โปรดกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานของผู้สื่อข่าว **

ขอความกรุณาไม่ทำซ้ำ ทำใหม่ โดยไม่ได้รับอนุญาตนะคะ

ขอความกรุณาทุกท่านแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพ เคารพความเห็นต่าง เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการสื่อสาร และเปิดโอกาสในการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี