Скачать или смотреть โฆษก ตร. เผย เร่งฉีดวัคซีนตำรวจเสี่ยงโควิด ยืนยัน “รพ.ตร.” ฉีดวัคซีนตามมาตรฐานของ กระทรวงสาธารณสุข

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.นพ.พรชัย สุธีรคุณ นายแพทย์ (สบ.8) โรงพยาบาลตำรวจ แถลงว่า โรงพยาบาลตำรวจให้บริการประชาชนทั่วไป และข้าราชการตำรวจและครอบครัว รวมทั้ง ประชาชนกลุ่มเสี่ยง โดยอยู่ภายใต้มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และยอมรับว่า อดีตนายตำรวจที่เกษียณราชการไปแล้ว หรือ ครอบครัวตำรวจ และประชาชนทั่วไป ก็ถือเป็น กลุ่มเสี่ยงทุกคนเช่นกัน ดังนั้น การเข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด จึงเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันทุกกลุ่ม โดยเร่งสำรวจตำรวจกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด เพื่อ เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโควิด - 19 โดยยืนยันว่า โรงพยาบาลตำรวจ ฉีดวัคซีนตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข

ขณะที่ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แถลงยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างการสำรวจตำรวจที่ปฏิบัติงานอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เพื่อเร่งฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อให้กับตำรวจที่ปฏิบัติงาน ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การป้องกันสูงสุด เพื่อลดภาวะความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และป้องกันตำรวจเป็นพาหะนำโรคไปสู่ประชาชน

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังให้ข้อมูล อีกว่า ขณะนี้จำนวนตำรวจที่ติดเชื้อโควิด และยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาลทั่วประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้นจนถึงขณะนี้ 412 นาย มีทั้งตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรภาคต่างๆ


ตำรวจรถไฟติดโควิดฆ่าตัวตาย

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงกรณี ตำรวจรถไฟ ผูกคอฆ่าตายในโรงพยาบาลตำรวจ ระหว่างการรักษาโรคโควิด-19 ส่วนศพผู้เสียชีวิตแพทย์นิติเวชฯ อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิต ที่โรงพยาบาลตำรวจ หลังมีรายงานว่า มีข้าราชการตำรวจ ฆ่าตัวตายระหว่างเข้ารับการรักษาโรคโควิด-19 จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่า ตำรวจนายดังกล่าว คือ ร.ต.อ.บุญชู พรรณกลิ่น อายุ 59 ปี สังกัดกองบังคับการตำรวจรถไฟ

โดย พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงกรณีนี้ว่า ผู้เสียชีวิตไม่ได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด แต่เกิดจากการฆ่าตัวตาย เพราะผู้ป่วยมีความเครียด เนื่องจากเป็นต้นเหตุให้คนในครอบครัว มีภาวะความเสี่ยงในการติดเชื้อไปด้วย เบื้องต้น ครอบครัวไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต

ขณะที่ พล.ต.ท.นพ.พรชัย สุธีรคุณ นายแพทย์ (สบ.8) โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตมีไทม์ไลน์ ตั้งแต่ช่วงวันที่ 15 ถึง 16 เมษายน มีอาการท้องเสีย ต่อมาวันที่ 17 เมษายน ไปตรวจที่โรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ พบเป็นโรคโควิด-19 จึงประสานให้โรงพยาบาลตำรวจ มารับตัวช่วงค่ำวันที่ 18 เมษายน

วันต่อมา มีอาการไข้สูงตลอดเวลา เจ็บหน้าอก ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ และนอนไม่หลับ กระทั่ง วันที่ 20 เมษายน มีอาการแย่ลง ระดับออกซิเจนในเลือด ต่ำลง จากนั้น ช่วงเย็น ผู้เสียชีวิตเข้าห้องน้ำ ต่อมา พยาบาลพบว่า ผู้เสียชีวิตใช้เข็มขัดผูกคอตายในห้องน้ำ จึงพยายามปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถช่วยได้ทัน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยส่งศพผู้เสียชีวิตไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ แล้ว

นายแพทย์ (สบ.8) โรงพยาบาลตำรวจ ยังยืนยันว่า โรงพยาบาลตำรวจมีมาตรฐานในการดูแลผู้ติดเชื้อโดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการให้พักรักษาตัวสังเกตอาการที่โรงพยาบาลสนาม และหากพบว่า มีอาการทรุดตัวลง จะย้ายผู้ป่วยไปรักษายังหอผู้ป่วยของโรงพยาบาลตำรวจ ต่อไป

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่น ในมาตรฐานการรักษาผู้ป่วย แม้ว่าจะมีขีดความสามารถเกี่ยวกับเตียงในการรองรับผู้ติดเชื้อก็ตาม แต่ยืนยันไม่กระทบกับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของแพทย์

นอกจากนี้ โรงพยาบาลตำรวจ ยังมีหน่วยงานที่ให้คำปรึกษา เพื่อลดปัญหาภาวะความเครียดของผู้ป่วยผู้ติดเชื้อ แต่ยอมรับว่า ขณะนี้แนวโน้มผู้ติดเชื้อ มีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน บางครั้งการคัดกรองอาจจะทำได้ยาก อีกทั้ง สถานพยาบาลขณะนี้ มีปัญหาการรองรับผู้ติดเชื้อไม่เพียงพอต่อผู้ป่วยแต่ละวัน จึงทำให้มีการส่งตัวผู้ติดเชื้อมายังโรงพยาบาลสนามของโรงพยาบาลตำรวจ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบประวัติ หรือภาวะความเครียดย้อนหลังก่อนเข้ามารักษาตัวได้