ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานจังหวัดพิจิต"อิทธิปาฏิหาริย์และพุทธานุภาพ"

Описание к видео ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานจังหวัดพิจิต"อิทธิปาฏิหาริย์และพุทธานุภาพ"

วันมรณภาพของหลวงพ่อเงิน บันทึกที่มีอยู่ ตรงกันทุกแห่งว่าหลวงพ่อเงินมรณภาพเมื่อ วันศุกร์ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปี มะแม เวลา ๕.๐๐น. ตรงกับวันเดือนปีในทางสากล คือ วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๒ ท่านมรณภาพที่วัดวังตะโก หรือวัดบางคลาน ตำบลบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร
ประวัติของหลวงพ่อ ช่วงชีวิตในฉากสุดท้ายของท่าน ไม่มีปัญหาอะไร ทุกคนได้ยินได้ฟังมาเหมือนๆกัน แต่ตอนที่หลวงพ่อเงินท่านเกิดมา ไม่มีผู้ใดจะจดจำเท่าใดนัก นอกจากบุคคลในครอบครัวของท่านเท่านั้น แต่ทุกคนไม่รู้ว่า ผู้ที่เกิดมากับฝีมือหมอตำแยในละแวกบ้าน ใครบ้างจะเป็นบุคคลสำคัญ ถึงกับต้องคอยจดวันเดือนปีเอาไว้
โดยญาติโยมต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะเก็บศพของหลวงพ่อเงินไว้ก่อน สักหนึ่งปี เป็นอย่างน้อย เพื่อมิให้ดป็นการเพิ่มความเงียบเหงาอาลัยมากไปกว่านั้น เพราะอย่างน้อยก็ยังมานมัสการกราบไหว้ เรือนร่างของท่านเสมือนหนึ่งว่า ท่านยังอยู่ แต่ยังไม่ทันที่จะถึงเวลาเก็บอัฐิของหลวงพ่อเลย ญาติโยมและบรรดาศิษย์ที่มีความเคารพนับถือท่าน ต่างก็เฮโลเข้าแย่งกัน ของสิ่งใดที่หลวงพ่อเคยใช้อยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นจีวร สบง ข้าวของเครื่องใช้ แม้จะได้คนละเล็กน้อยก็เอาดี เพื่อนำไปเป็นวัตถุมงคลคุ้มครอง แม้แต่เถ้าถ่านก็ไม่มีเหลือให้เห็นเลย
อภินิหารของหลวงพ่อเงิน นั้นยังคงความเข้มขลังอยู่ ต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ของหลวงพ่อเงิน ได้แก่ต้นโพธิ์ที่หลวงพ่อเงินได้หักกิ่งมาปักไว้ริมน้ำหน้าพระอุโบสถ วัดวังตะโก ก่อนจะนำมาปักหลวงพ่อได้ อธิษฐานจิตขอเสี่ยงทายไว้ว่า หากวัดท่านจะเจริญรุ่งเรืองก็ขอให้กิ่งโพธิ์กิ่งนี้จงแตกกิ่งก้านกว้างใหญ่ไพศาลด้วยเถิด
ต่อมาไม่นาน กิ่งโพธิ์นั้นก็ออกรากหยั่งลึกลง และงอกงามเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับวัดของท่านที่ท่านได้สร้างขึ้นมา เมื่อตอนที่ท่านอยู่ที่วัดแห่งนี้ท่านได้ทำแคร่ไม้ไว้ใต้ต้นโพธิ์ เพื่อไว้พักผ่อน อิริยาบทของท่าน แต่เมื่อท่านได้สิ้นชีวิตลงแล้ว พระครูพิมูลธรรมเวท เจ้าอาวาสได้ทำการสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่แทนหลังเดิม ซึ่งแก่ชรามากแล้ว แต่กิ่งก้านของต้นโพธิ์ของหลวงพ่อได้มาปิดบังหน้าพระอุโบสถ ทำให้ขาดความสวยงามไปมากท่านพระครูธรรมเวทจึงได้ว่าจ้างให้ชาวบ้านมาทำการตัดกิ่งเหล่านั้นออกไป
แต่ไม่มีชาวบ้านคนไหนที่กล้าจะเสี่ยงกับงานที่กระทบกระเทือนของหลวงพ่อชิ้นนี้เลย ในที่สุดพระครูพิมูลธรรมเวท จึงได้นำดอกไม้ ธูป เทียน มาจุดบอกกล่าวขอความกรุณาจากหลวงพ่อเงิน โดยการที่ทำการตัดกิ่งโพธิ์ในครั้งนี้ ก็เพื่อจะทำให้วัดสวยงามขึ้น มิใช่เป็นการดูหมิ่นลองดีอะไรกับหลวงพ่อ และขอให้หลวงพ่อหักให้ด้วย
จากนั้นมาเพียงไม่กี่วัน กิ่งโพธิ์กิ่งนั้นก็หักครืนลงมาเอง โดยไม่มีลมพายุ หรือว่าสิ่งผิดปรกติจากภัยธรรมชาติใดๆเลย เมื่อกิ่งโพธิ์ใหญ่หักลงมาเอง โดยไม่ต้องตัด ต้องไปรบกวนผู้ใดให้มาช่วยตัดเช่นนั้น ท่านเจ้าอาวาสได้ให้ นางจันทร์ชาวบ้านในย่านนั้นมาจัดการเลื่อยเป็นท่อนๆ แล้วเผาถ่านแบ่งกันคนละครึ่งกับทางวัด หลังจากจัดการเลื่อยเรียบร้อยแล้วก็นำมากองรวมจุดไฟเผา แต่มันช่างน่าอัศจรรย์ที่ว่า จะเอาอะไรมาทำเชื้อไฟ ไม้โพธิ์นั้นก็ไม่ยอมติดไฟ ตรงกันข้ามตัวนางจันทร์เองกลับมีรอยไหม้พองไปทั้งตัวหูตาก็ดับมืดมองอะไร ฟังอะไรไม่รู้เรื่อง มีอาการทรมานเป็นที่สุด จากนั้นเพียงไม่กี่คืนหลวงพ่อเงินก็มาดุกล่าวนางจันทร์ในฝันว่า
"กูให้ของดีมึงไว้ใช้ มึงกลับไม่รู้คุณค่าเอาไปเผาเสียอีก"
เมื่อนางจันทร์ตกใจตื่น ทบทวนความฝันดีแล้ว ก็นำดอกไม้ ธูปเทียน เท่าอายุของตนเอง มาขอขมาลาโทษ ต่อหน้ารูปหล่อของหลวงพ่อเงิน เพียงไม่กี่วันอาการต่างๆของนางจันทร์ก็คืนสู่ปกติ
ประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ต้นโพธิ์ของหลวงพ่อเงินก็มีอันต้องแตกดับลง คราวนี้ไม่ใช่กิ่งหักเช่นครั้งก่อน หากแต่หักลงมาทั้งต้น โดยไม่มีลมพายุ หรือฝนฟ้าคะนองเลย อยู่ๆดีก็หักลงมาเอง บทเรียนที่เกิดขึ้นกับนางจันทร์ในครั้งก่อน เตือนใจให้ชาวบ้านได้ดีทีเดียว ทุกคนต่างพากันนำกิ่งโพธิ์เล็กบ้างใหญ่บ้างไปเกาะเป็นพระไม้โพธิ์ หรือวัตถุมงคลอื่นๆกัน จนกระทั่งไม่มีอะไรเหลือให้เห็นอีก จึงเป็นอันว่า แม้แต่ต้นโพธิ์อธิษฐานของหลวงพ่อก็ยังไม่พ้น
"อนิจจัง"
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ทางวัดได้จัดให้มีพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคลต่างๆ อยู่นั้น ดวงอาทิตย์ที่กำลังเจิดจ้าอยู่ตอนเที่ยงวัน พลันก็มีแสงทรงกลดขึ้นเป็นวงล้อมรอบ สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นเป็นยิ่งนัก พอตกตอนกลางคืนก็เกิดจันทรุปราคาขึ้นอีก ชาวบ้านต่างตีเกราะเคาะวัตถุยิงปืนให้เกิดเสียงดังขึ้นตามประเพณีที่เชื่อกันมาแต่สมัยโบราณว่า เมื่อเกิดเสียงดังราหูจะคลายจันทร์ออกมา ผู้ที่อยู่ในงานก็ยกปืนยิงไปทางต้นไม้ ที่ติดภาพโฆษณาซึ่งมีรูปหลวงพ่อเงินอยู่ด้วย ปรากฎว่ายิงไม่ออกเลยจึงเฮโลเข้าไปเก็บเอาไว้ บ้างก็ซื้อขายกันด้วยราคาค่อนข้างสูง
ของดีอีกอย่างก็คือ "สัปคับช้าง" หรืออานที่ใช้นั่งบนหลังช้างนั้นเอง เป็นอาสนะท่หลวงพ่อใช้รองนั่ง บนหลังช้างเวลาออกไปทำการบวชให้กับบุตรหลานของชาวบ้านไกลๆ เมื่อสิ้นบุญหลวงพ่อแล้ว ทางวัดก็ได้นำไปไว้หลังพระอุโบสถเก่า ต่อมามีผู้ขอไปตัดแบ่งทำตระกรุดบ้าง เครื่องรางของขลังอื่นๆอีก จนไม่มีเหลือแม้แต่เศษเล็กๆน้อยๆ
ต้นละมุด ก็ไม่พ้นกฎธรรมดาของโลก เมื่อทุกๆอย่างในสมัยหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ต่อมาก็ทะยอยจากไปก็มาถึงต้นละมุด ขึ้นอยู่หน้ากุฎิหลวงพ่อ ที่หลวงพ่อใช้เป็นที่ให้ผู้ที่ต้องการรดน้ำมนต์นั่งตรงใต้ ละมุดต้นนี้ เป็นการตายที่แปลกๆ
แต่ตามปรกตินั้นต้นไม้ถ้าเวลาตายใบก็จะร่วงหมดก่อน แล้วลำต้นจึงแห้งตาย แต่ละมุดต้นนี้ถึงแม้จะตายไปแล้วหลายเดือนแต่ใบก็ยังอยู่ในสภาพเดิม แม้จะแห้งกรอบไปแล้ว ภายหลังก็มีผู้มาขอไปส่วนหนึ่ง นำไปแกะเป็นพระต่างๆ ไปทำตะกรุดและวัตถุมงคลอื่นๆอีก ปรากฎว่ากันปืน กันระเบิดได้ดีนัก และก็เช่นเดียวกันอีกนั้นและครับทุกท่านๆ แม้แต่รากเล็กๆน้อยๆ ก็ไม่มีเหลือให้เห็นอีกเช่นเคย
พระอาจารย์ของกรมหลวงชุมพร
#ประวัติหลวงพ่อเงิน #หลวงพ่อเงิน #วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน

Комментарии

Информация по комментариям в разработке