PS5 กราฟิกเป็นยังไงบ้าง ดีมั้ย แตกต่างจาก PS4 Slim / Pro รึเปล่า ?

หลังจากได้ลองเล่นเกม PS5 ไปประมาณสิบกว่าชั่วโมง วันนี้อยากจะมาแบ่งปันความรู้สึกเกี่ยวกับ กราฟิกของเครื่อง Next Gen PS5 ว่าแตกต่างจากเครื่องรุ่นเก่า PS4 Slim Pro แค่ไหน เพราะว่าในเชิงสเปคเครื่อง PS5 แรงกว่าในเชิงกราฟิกจากเครื่อง Slim ไปถึง ประมาณ 5 เท่า และ แรงกว่าเครื่อง Pro ไปประมาณ 2 เท่ากว่า แต่พอมาเล่นเกมจริงๆ แล้วรู้สึกยังไงบ้าง เผื่อใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อเครื่อง PS5 เมื่อศูนย์ไทย ทำการวางขายในปี 2021 จะได้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

กราฟิกในเกม PS5 แบ่งออกเป็นสองโหมด บางเกมเลือกได้สองโหมด บางเกมเลือกไม่ได้ ประกอบไปด้วย

1. Fidelity เน้นภาพสวย ความละเอียด โดยส่วนใหญ่มี FPS อยู่ที่ 30 (ยกเว้น Fortnite ได้ 60 FPS) โดยจะเน้นเปิด Raytracing (บางเกมอย่าง AC มีโหมด Fidelity แต่ไม่มี Raytracing) ซึ่งคือการสะท้อนวัตถุในโลกเกมได้อย่าง Real Time เช่นวัสดุที่เป็นกระจก หรือผิวมันวาว เมื่อตัวละคร เราเดินเข้าไปใกล้ก็จะทำการสะท้อน ตัวเรา และ สภาพแวดล้อมทั้งหมด แบบเวลาจริง ทำให้เกิดความสมจริงมาก หรือเกม Watchdogs Legion ก็จะเห็นเงาของสิ่งต่างๆ สะท้อนที่ผิวของรถ หรือแม้แต่ Fortnite ก็มีการใส่ RTX เข้ามา

2. Performance เน้น Framerate โหมดนี้เน้นความนิ่งที่ ส่วนใหญ่คือ 60 FPS แต่จะมีบางเกมที่รันที่ 120 FPS ถ้าทีวีของเรามี HDMI 2.1 และ 120 HZ โดยเกมโหมดนี้ลดรายละเอียดของภาพลง ไม่มีการเปิดการสะท้อนแบบ RTX แต่เน้นความลื่นไหลของเฟรมเรทมากกว่า ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ชอบ 30 FPS คุณอาจจะเปิดโหมดนี้บ่อยกว่า ที่ผมประทับใจมากคือ เกม Call of Duty เพราะว่าให้ภาพที่นิ่งมาก ลื่นไหล ถึงแม้จะไม่ดู Next Gen มาก แต่รู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่อัดแน่นของ Pixels

จากการทดลองสลับใช้ไปมา ถ้าถามว่า PS5 มีกราฟิกที่ก้าวกระโดดแบบแตกต่างจาก PS4 Slim / Pro แบบเห็นได้ชัด หรือก้าวกระโดดมั้ย ก็อาจจะต้องบอกว่า ยังไม่รู้สึกขนาดนั้น รู้สึกได้ว่าภาพคมชัดมากขึ้น เฟรมเรทนิ่ง สบายตามากขึ้น และเครื่องรันเกมได้สบายไม่เหนื่อยเหมือน PS4 แต่เหมือนยังเป็นการเล่นเวอร์ชั่น Remastered ของเกมต่างๆ อยู่ ยังไม่ได้เล่นเกมใหม่ ใครที่คิดจะซื้อ PS5 โดยเน้นกราฟิกในช่วงปีแรกๆ อาจจะต้องรอไปถึงปี 2022 ที่น่าจะมีเกมที่ผู้พัฒนาคุ้นเคยกับเครื่อง และทำเกมที่มีกราฟิกก้าวกระโดด เป็น Next Gen ที่แท้จริงออกมา