Скачать или смотреть สมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ ครั้งที่ 1/2560

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ ครั้งที่ 1/2560

วันที่ 12 ม.ค. 2560 เวลา 09.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จลง ณ อาคารชัยพัฒนา สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ทรงเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ ครั้งที่ 1/2560 เพื่อดำเนินงานตามพระราชดำริ ในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน นอกจากนี้ยังได้ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผ่านความร่วมมือกับต่างประเทศ รวมถึงการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนา โดยเน้นการพัฒนาขีดความสามารถและพัฒนาศักยภาพของบุคลากร อันจะนำไปสู่การพัฒนาชุมชน ประเทศ และคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวมต่อไป โดยมีสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. ทำหน้าที่ประสานงานในภาพรวมของโครงการและกิจกรรมที่ดำเนินงานภายใต้มูลนิธิฯ

การประชุมครั้งนี้ มีระเบียบวาระการประชุมเรื่องต่างๆ อาทิ แผนการดำเนินงานในปี 2560 ในส่วนของโครงการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามพระราชดำริ รวม 11 โครงการ เช่น โครงการความร่วมมือไทย-เซิร์นตามพระราชดำริ ซึ่ง "เซิร์น" นั้นเป็นองค์กรวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งผลิตความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นสูงในหลากหลายสาขา เพื่อเปิดโอกาสให้นักวิจัยไทย ครูฟิสิกส์ นักศึกษา และนักเรียน ได้มีโอกาสไปศึกษาดูงาน และปฏิบัติการวิจัยที่เซิร์น ปัจจุบันมีผู้ได้รับโอกาสดังกล่าวแล้วรวม 108 คน เป็นนักวิจัย 24 คน โครงการนักเรียนมัธยมปลาย 53 คน โครงการนักศึกษาและครู 31 คน และโครงการการคืนความสุขในการบดเคี้ยวให้กับผู้สูงอายุที่ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 มีเป้าหมายจำนวนไม่ต่ำกว่า 60 ราย ปัจจุบันได้ทำการรักษาด้วยการฝังรากเทียม จำนวน 63 ราย เสร็จสิ้นแล้ว 36 ราย อยู่ในระหว่างการรักษา 27 ราย

ทั้งนี้ ในภาพรวมของการดำเนินงานทั้ง 11 โครงการ จนถึงปี 2559 มีผู้ได้รับการพัฒนาและหรือได้รับประโยชน์จากกิจกรรมของโครงการ รวมแล้วกว่า 5,300 คน