อยากเป็นเจ้าตลาด? ต้องดัน Nissan e-Power ให้ดัง.. โปรดฟัง

สำหรับ Nissan เมืองไทยยุคนี้ ถือเป็นยุคที่บริษัทแม่เข้ามาทำตลาดเต็มตัว บางอย่างก็ทำได้ดี บางอย่างก็ดำเนินแผนงานที่ผิดพลาด ก็มีอยู่ แต่ในสภาวะที่มีการแข่งขันในตลาดรถยนต์อย่างรุนแรงขนาดนี้ บางครั้งอาจจำเป็นต้องพลิกกลยุทธ์เพื่อการแข่งขันบ้าง

สิ่งหนึ่งที่ Nissan น่าจะตัดสินใจถูกต้องก็คือ การเร่งผลักดันให้มีการผลิตขุมพลัง e-Power ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นกลุ่มประเทศลำดับที่ 2 ของโลกต่อจากญี่ปุ่นที่ได้ใช้ขุมพลัง e-Power นี้ อันนี้ต้องขอบคุณฝ่ายที่เกี่ยวข้องกันเลย เพราะทราบมาว่ากว่าพวกชาวยุโรปจะได้ใช้ก็ล่อไปปี 2022 กันเลย

ส่วนการลงทุนในประเทศไทยนั้น Nissan Motor ประเทศไทยเพิ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ ด้วยมูลค่าการลงทุน 10,960 ล้านบาท โดยจะใช้โรงงานนิสสัน กม.21 บางนา-ตราด มีกำลังผลิต 80,000 คันต่อปี ถือเป็นการลงทุนใหญ่พอสมควร

ก่อนหน้านั้นเคยมีข่าวครึกโครมช่วงหนึ่งว่า Nissan พยายามยื่น e-Power ให้อยู่ในหมวดรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ เพื่อหวังจะได้อัตราภาษีสรรพสามิตเพียงแค่ 2% เนื่องด้วยเหตุผลขุมพลัง e-Power นั้นขับเคลื่อนลงสู่ล้อด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ทางคณะกรรมการคงมองเห็นแล้วว่า ถ้ายังมีเครื่องยนต์ติดตั้งอยู่ มันก็ยังจัดว่าเป็นรถยนต์ลูกผสม Hybrid อีกแบบหนึ่ง จึงทำให้ e-Power จะมีอัตราภาษีรถ Hybrid ที่มีการปล่อยค่าไอเสียต่ำกว่า 100 กรัม/กิโลเมตร เหลือแค่เพียง 5%

หลายคนคงสงสัยแล้วว่า ความเจ๋งของ Nissan e-Power ที่ทำให้บริษัทแม่กล้ายื่นเป็นการลงทุน EV คืออะไร?
อธิบายง่าย ๆ ครับมันก็คือรถยนต์ไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้า ที่กักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ลิเธี่ยม ไอออน ขนาดเล็ก ส่งผ่านโดย อินเวอร์เตอร์ แต่พิเศษก็คือ คุณสามารถขับขี่ไปได้ยาวไกลเท่าที่ใจต้องการ เพราะมันติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ปั่นกำลังไฟฟ้าลงแบตเตอรี่ขนาดจิ๋ว ที่ผ่าน พาวเวอร์ เจเนอเรเตอร์อีกตอน หลักการนี้ จะเรียกว่าเป็นรถแบบ Series Hybrid นั่นเอง