พ่อแม่ทุกข์ระทม “ลูกติดมือถือหนัก” พัฒนาการสะดุด สุดก้าวร้าว ต้องแก้อย่างไร ?

Описание к видео พ่อแม่ทุกข์ระทม “ลูกติดมือถือหนัก” พัฒนาการสะดุด สุดก้าวร้าว ต้องแก้อย่างไร ?

ในยุคดิจิทัล ผู้ปกครองหลายคนอาจจะไม่มีเวลาเลี้ยงลูก จนต้องปล่อยให้ลูกอยู่กับจอมือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์มากเกินไป กลายเป็นเป็นปัญหาลูกติดจอ ติดเกม จนทำให้พฤติกรรมเปลี่ยน ปัญหานี้จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาการที่สมบูรณ์ของเด็กในอนาคต

ช็อตเด็ด นาทีเดือด !

00:00 พ่อแม่ทุกข์ระทม “ลูกติดมือถือหนัก” พัฒนาการสะดุด สุดก้าวร้าว ต้องแก้อย่างไร ?
02:10 รศ.นพ.ศิริไชย กล่าว นิยาม เด็กติดจอ และสาเหตุที่ทำให้เด็กติดจอ
03:35 ครูหวานเผย สาเหตุเพิ่มเติมเด็กติดจอ
05:05 ผลกระทบของ “เด็กติดจอ”
08:40 คุณบี กมลาสน์ เล่าวินาที ลูกติดจอ
13:30 คุณบี กมลาสน์ เผย วิธีแก้ลูกติดจอ
16:40 “ลูกติดโทรศัพท์” ควรรับมืออย่างไร

วันที่ 27 ม.ค. 67 รศ.นพ.ศิริไชย หงษ์สงวนศรี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า ปัญหาเด็กติดจอมีหลากหลายรูปแบบ โดยเด็กมักจะหมกมุ่นอยู่กับเกม โลกโซเชียลมีเดีย ถ้าหากมีคนมาห้ามหรือขัดขวางเด็กจะเกิดอาการไม่พอใจอย่างรุนแรง

สาเหตุที่ทำให้เด็กติดจอเนื่องจากเกมเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ สถิติในปัจจุบันเด็กจะเล่นเกม 3-4 ชั่วโมงต่อวัน และอยู่กับหน้าจอเฉลี่ยถึง 6-7 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งจะทำให้เด็กขาดพัฒนาการทางสังคม ไม่ได้เรียนรู้จากสิ่งรอบข้าง นอกจากนี้เกมที่มีความรุนแรงก็ทำให้เด็กมีพฤติกรรมรุนแรงตามไปด้วย

อาจารย์ธิดา พิทักษ์สินสุข (ครูหวาน) นายกสมาคมอนุบาลศึกษาแห่งประเทศไทย เตือนผู้ปกครองว่า การให้ลูกเล่นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ จะต้องมีการจำกัดระยะเวลาในการเล่น เพื่อป้องกันปัญหาเด็กติดจอ โดยเฉพาะเด็กก่อนวัย 2 ขวบ ยิ่งไม่ควรให้เข้าใกล้จอ หลังจาก 3 ขวบขึ้นไปเวลาเด็กใช้จอจะต้องมีพ่อแม่คอยควบคุมอยู่ข้าง ๆ ถ้าหากไม่คอยควบคุมก็อาจทำให้ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กในระยะยาว ซึ่งจะแก้ไขได้ยากในอนาคต

คุณบี กมลาสน์ เอียดศรีชาย คุณแม่ที่ประสบปัญหาลูกๆ ติดจอ เล่าว่า จากประสบการณ์ของตน ขณะที่ลูกชายอายุ 2 ขวบ ตนเลี้ยงลูกโดยให้อยู่กับจอมาตั้งแต่แรก และไม่ค่อยได้ดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากทำงานหนักและมีลูกเล็กอีกคน จึงปล่อยให้ลูกชายอยู่กับญาติผู้ใหญ่ จนสุดท้ายตนสังเกตเห็นว่าลูกมีพฤติกรรมที่ไม่ปกติ ไม่พูด ไม่สบตา ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่ เชื่อว่าลูกมีปัญหาด้านพัฒนาการจึงตัดสินใจไปหาหมอ ได้รับคำแนะนำว่าควรให้ลูกอยู่กับคนมากกว่าจอมือถือหรือสิ่งของ เพราะจะทำให้เด็กไม่รู้ว่าใครคือพ่อแม่ของเขา เนื่องจากเด็กให้ความสนใจกับสิ่งของมาตลอด ซึ่งอาจเสี่ยงทำให้เป็นโรคออทิสติกเทียม ตนต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าลูกจะกลับมาเป็นปกติ และอยากให้เรื่องราวของลูกเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคนที่กำลังจะมีลูก

รศ.นพ.ศิริไชย วินิจฉัยอาการลูกของคุณบีว่า มีอาการใกล้เคียงกับโรคออทิสเทียม ที่มีความบกพร่องทางทักษะทางสังคมและพัฒนาการทางภาษาช้า เกิดจากความสนใจทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ โดยไม่สนใจผู้อื่น วิธีรักษาจะต้องให้ผู้ปกครองใช้เวลากับลูกมากขึ้น เปลี่ยนจากหน้าจอเป็นการฝึกทักษะพื้นฐาน เช่น การวาด การอ่าน การเขียน ซึ่งช่วยเพิ่มพัฒนาการของเด็กได้ดีกว่าดูจออย่างแน่นอน

ด้านครูหวาน แนะนำวิธีการป้องกันเด็กติดจอ หากพ่อแม่มีเวลาน้อย ก็จะต้องใช้เวลากับลูกอย่างมีคุณภาพ ควรเล่นของเล่นกับลูก เพื่อให้ลูกมีพัฒนาการหลายด้านมากขึ้น และควรอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟังบ่อย ๆ ที่สำคัญอย่าลืมแสดงความรักกับลูกทุกครั้งที่มีโอกาส เชื่อว่าการไม่มีเวลาเลี้ยงลูกไม่ควรเป็นข้ออ้าง เพราะลูกเปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของชีวิตพ่อแม่

#ถกไม่เถียง #TERODigital #Ch7HDNews

----------

ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35

Facebook:   / terodigital  
Twitter:   / tero_digital  
YouTube:    / terodigital  
TikTok:   / terodigital  
Instagram:   / terodigital  

Комментарии

Информация по комментариям в разработке