Скачать или смотреть เบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง อันตรายแค่ไหน? อาการเป็นอย่างไร? ( เบาหวาน EP4 )

#เบาหวานน้ำตาลในเลือดสูง
#อันตรายแค่ไหน?
#อาการเป็นอย่างไร?

#อาการน้ำตาลในเลือดสูง

น้ำตาลในเลือดสูงมักไม่มีอาการบ่งบอกในช่วงแรก แต่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติได้เมื่อระดับน้ำตาลสูงเกิน 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป อาจใช้เวลาหลายวันไปจนถึงหลายสัปดาห์ จึงจะแสดงอาการอย่างค่อยเป็นค่อยไป บางรายที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นเวลานานอาจไม่มีอาการผิดปกติ แม้จะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูงที่พบได้บ่อย มีดังนี้

#อาการน้ำตาลสูงในช่วงเริ่มต้นสังเกตได้จาก

1 ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน
2 มองเห็นไม่ชัด
3 กระหายน้ำมาก
4 ปวดศีรษะ
5 เหนื่อยง่าย
.
ผู้ที่ระดับน้ำตาลสูงขึ้นและไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีอาจเกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากการสะสมของสารคีโตน (Ketones) ซึ่งเป็นของเสียในเลือดและปัสสาวะ ทำให้มีอาการอื่นตามมา เช่น

1 ลมหายใจมีกลิ่นคล้ายผลไม้เน่า
2 หายใจสั้น
3 ปากแห้ง
4 คลื่นไส้ อาเจียน
5 ปวดท้อง
6 อ่อนเพลีย
7 น้ำหนักลด
8 รู้สึกสับสน
9 แผลหายช้ากว่าปกติ
10 ติดเชื้อบริเวณช่องคลอดหรือผิวหนัง
.
ในรายที่อาการรุนแรง
1 อาจเป็นลม หมดสติ
2 เส้นประสาทเสียหาย ส่งผลให้มีอาการเท้าเย็นจนปวดหรือไม่มีความรู้สึก ขนขาล่วง
3 หย่อนสมรรถภาพทางเพศ
4 มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้ เช่น ท้องผูกหรือท้องเสียเรื้อรัง
5 มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา หลอดเลือด หรือไต
.
ทั้งนี้ ผู้ที่มีอาการอาเจียนหรือท้องเสียเรื้อรัง แม้แต่กรณีที่รับประทานอาหารหรือน้ำได้ตามปกติ ไข้ขึ้นนานกว่า 24 ชั่วโมง ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ หรือมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 240 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไปแม้รับประทานยาโรคเบาหวานอย่างต่อเนื่อง ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจดูอาการอย่างละเอียด
.
#ภาวะแทรกซ้อนของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

ผู้ที่ปล่อยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่องและไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายตามมา เช่น

1 การทำงานของไตเสื่อมลงจนอาจเกิดไตวาย
2 โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอาการหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคเส้นเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน
3 เส้นประสาทถูกทำลายและทำงานผิดปกติ ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อน เจ็บเหมือนเข็มทิ่ม และการรับรู้สึกความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป
4 โรคทางตาหรือเกิดความผิดปกติกับดวงตาที่เรียกว่าเบาหวานขึ้นตา เช่น จอประสาทเสียหาย โรคต้อหิน โรคต้อกระจก เป็นต้น
5 ผิวหนังเกิดการติดเชื้อ
6 มีปัญหาเกี่ยวกับเท้า เนื่องจากเส้นประสาทถูกทำลายและเลือดไหลเวียนไม่สะดวก เช่น เท้าติดเชื้อหรือไร้ความรู้สึก บางรายอาจรุนแรงจนต้องตัดขาทิ้ง
7 เกิดปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้อต่อ
8 โรคฟันและเหงือก
.
สำหรับภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงและมักพบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ได้แก่

#ภาวะกรดคั่งในเลือดจากสารคีโตน (Diabetic Ketoacidosis) เกิดจากร่างกายมีฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ ทำให้เซลล์ขาดพลังงานและต้องสลายไขมันมาใช้เป็นพลังงาน โดยในระหว่างกระบวนการนี้จะเกิดสารคีโตนที่เป็นพิษขึ้นในเลือดและบางส่วนตรวจพบได้ในปัสสาวะ หากปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาพนี้นานเกินไปจะเสี่ยงต่ออาการโคม่าและเสียชีวิตได้

#ภาวะโคม่าจากน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemic Hyperosmolar Syndrome) เป็นภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนอินซูลินตามปกติ แต่ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ จึงไม่อาจนำน้ำตาลหรือไขมันมาเป็นพลังงาน ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงกว่า 600 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร โดยน้ำตาลบางส่วนจะถูกขับออกทางปัสสาวะและเป็นสาเหตุให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำรุนแรงจนเสียชีวิตหรืออยู่ในอาการโคม่า
.
#สาเหตุของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

1 ลืมกินยาหรือฉีดยาอินซูลิน
2 ปริมาณยาไม่เพียงพอต่อการควบคุมระดับน้ำตาล
3 การรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป
4 ภาวะเครียด
5 เคลื่อนไหวร่างกายน้อย ไม่ออกกำลังกาย
6 เจ็บป่วยไม่สบาย
7 การได้รับยาสเตียรอยด์
.
#วิธีปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

1 ควบคุมอาหารให้เหมาะสมโดยเฉพาะอาหารประเภทข้าวแป้งคาร์โบไฮเดรต

2 ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะ

3 ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อเพิ่มการใช้พลังงานทำให้น้ำตาลถูกนำออกมาใช้และช่วยให้ตับอ่อนสร้างอินซูลินได้ดีขึ้น

4 ปรึกษาแพทย์เพื่อปรับยาให้เหมาะสมกับระดับน้ำตาล
.
สุขภาพดีทุกวันไปด้วยกัน
สุขภาพดีกับพยาบาลแม่จ๋า
#พยาบาลแม่จ๋า