อภิญญา เสียงกระซิบจากจิต

Описание к видео อภิญญา เสียงกระซิบจากจิต

อภิญญา เสียงกระซิบจากจิต
อภิญญา แปลว่า ความรู้ยิ่ง หมายถึงปัญญาความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน
การอบรมจิตเจริญปัญญา: เส้นทางสู่ความพ้นทุกข์
การอบรมจิตเจริญปัญญา หมายถึง การฝึกฝนจิตใจให้สงบ มั่นคง และพัฒนาปัญญา ตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงสอน เป้าหมายสูงสุดคือ การพ้นทุกข์ เข้าถึง นิพพาน
อภิญญาในคำวัดหมายถึงคุณสมบัติพิเศษของพระอริยบุคคลซึ่งเป็นเหตุให้มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ มี 6 อย่าง คือ
อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ เช่น ล่องหนได้ เหาะได้ ดำดินได้
ทิพพโสต มีหูทิพย์
เจโตปริยญาณ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้
ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
ทิพพจักขุ มีตาทิพย์
อาสวักขยญาณ รู้การทำอาสวะให้สิ้นไป
ห้าข้อแรกเป็นโลกียะ (โลกียอภิญญา) ข้อท้ายเป็นโลกุตตระ.
อภิญญา 5 ข้อแรกเป็นของสาธารณะ (โลกียญาณ) ข้อ 6 มีเฉพาะในพระอริยบุคคล
ถ้าพบผู้แสดงฤทธิ์ได้ อย่าพึ่งหมายว่าผู้นั้นจะเป็นอริยบุคคล
อิทธิวิธี: พลังพิเศษจากจิตและสมอง?
อิทธิวิธี หรือ ฤทธิ์ เป็นศาสตร์ลึกลับที่กล่าวถึงพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ เช่น การเหาะเหินเดินอากาศ ย่นยืดกาย หายตัว แปลงกาย ฯลฯ ปรากฏในตำราโบราณ คัมภีร์ทางศาสนา และเรื่องเล่าต่างๆ
อิทธิวิธีมีจริงหรือไม่?
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อในอิทธิวิธี เพราะขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ แต่บางคนก็เชื่อว่า อิทธิวิธีเป็นพลังพิเศษที่เกิดจากการฝึกฝนจิตและสมองขั้นสูง
กลไกที่เป็นไปได้:
พลังจิต: ควบคุมพลังงานในร่างกาย จิตใจ ส่งผลต่อสสาร สิ่งแวดล้อม
สมอง: พัฒนาศักยภาพของสมอง ควบคุมร่างกาย รับรู้สิ่งที่มองไม่เห็น
มิติอื่น: เชื่อมต่อกับมิติอื่น กาลเวลา ทำให้เกิดปรากฏการณ์พิเศษ




ทิพยโสต: ได้ยินเสียงไกล สัมผัสเสียงทิพย์
ทิพยโสต หรือ ญาณโสต หมายถึง ความสามารถพิเศษในการได้ยินเสียงที่ไกลเกินกว่าที่มนุษย์ทั่วไปจะได้ยิน บางคนเชื่อว่า ทิพยโสต เป็นหนึ่งใน อินทรีย์ห้า ที่พัฒนาขึ้นจากการฝึกฝนจิตและวิปัสสนา
ลักษณะของทิพยโสต:
ได้ยินเสียงไกล: เสียงจากระยะไกล เสียงจากต่างสถานที่ เสียงจากภพภูมิอื่น
ได้ยินเสียงทิพย์: เสียงของเทวดา เสียงของพรหม เสียงของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ได้ยินเสียงในใจ: เสียงนิมิต เสียงบอกเหตุ เสียงเตือนสติ
การฝึกทิพยโสต:
ฝึกสมาธิ: พัฒนาจิตให้สงบ จดจ่อ มีสมาธิ
ฝึกวิปัสสนา: พิจารณาไตรลักษณ์ เข้าใจความเป็นจริง ปล่อยวาง
ฝึกศีล: ประพฤติตนดี เว้นชั่ว ทำกุศล
ฝึกจิตให้บริสุทธิ์: ละกิเลส ละความโลภ โกรธ หลง


เจโตปริยญาณ: กำหนดรู้ใจผู้อื่น
เจโตปริยญาณ เป็นหนึ่งใน ปัญญาห้า หรือ อภิญญาห้า ที่กล่าวถึงในคัมภีร์ทางพุทธศาสนา หมายถึง ความสามารถในการ กำหนดรู้ใจ ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ของผู้อื่น เปรียบเสมือนการส่องกระจก เห็นภาพสะท้อนในใจของอีกคน
ลักษณะของเจโตปริยญาณ:
รู้ว่าผู้อื่นกำลังคิดอะไร: เข้าใจความคิด ความรู้สึก เจตนา ของผู้อื่น
รู้ว่าผู้อื่นกำลังรู้สึกอย่างไร: เข้าใจอารมณ์ ความสุข ความทุกข์ ความหงุดหงิด ของผู้อื่น
รู้ว่าผู้อื่นกำลังทำอะไร: เข้าใจการกระทำ แรงจูงใจ เบื้องหลังการกระทำ ของผู้อื่น
การฝึกเจโตปริยญาณ:
ฝึกสมาธิ: พัฒนาจิตให้สงบ จดจ่อ มีสมาธิ
ฝึกวิปัสสนา: พิจารณาไตรลักษณ์ เข้าใจความเป็นจริง ปล่อยวาง
ฝึกเมตตา: แผ่เมตตา ความปรารถนาดี ให้กับผู้อื่น
ฝึกอุเบกขา: วางเฉย ไม่ยึดติด ไม่หวั่นไหว ต่ออารมณ์ ความรู้สึก
ปุพเพนิวาสานุสติญาณ: ระลึกชาติก่อนได้จริงหรือ?
ปุพเพนิวาสานุสติญาณ หนึ่งใน ปัญญาห้า หรือ อภิญญาห้า กล่าวถึงความสามารถในการ ระลึกชาติ รำลึกถึงอดีต นึกถึงภพชาติที่ผ่านมา ว่าเคยเกิดที่ไหน เป็นใคร ทำอะไร มีความสุข ทุกข์ อย่างไร
ลักษณะของปุพเพนิวาสานุสติญาณ:
ระลึกชาติก่อนได้: นึกถึงอดีตชาติ เคยเกิดที่ไหน เป็นใคร ทำอะไร
ระลึกถึงบุคคลที่เคยเกี่ยวข้อง: นึกถึงบุคคลที่เคยรู้จัก เคยร่วมทุกข์ ร่วมสุข ในอดีตชาติ
ระลึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น: นึกถึงเหตุการณ์ เรื่องราว ที่เคยเกิดขึ้น ในอดีตชาติ
การฝึกปุพเพนิวาสานุสติญาณ:
ฝึกสมาธิ: พัฒนาจิตให้สงบ จดจ่อ มีสมาธิ
ฝึกวิปัสสนา: พิจารณาไตรลักษณ์ เข้าใจความเป็นจริง ปล่อยวาง
ฝึกอานาปานสติ: กำหนดรู้ลมหายใจเข้า-ออก ฝึกจิตให้นิ่ง
ฝึกสติ: มีสติสัมปชัญญะ รู้เท่าทันความคิด อารมณ์ การกระทำ
ทิพจักขุ: มองเห็นสิ่งที่มองไม่เห็น
ทิพจักขุ หรือ ญาณทัสสนะ เป็นหนึ่งใน ปัญญาห้า หรือ อภิญญาห้า กล่าวถึงความสามารถพิเศษในการ มองเห็นสิ่งที่มองไม่เห็น มองข้ามมิติ มองเห็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต เปรียบเสมือนการมี ดวงตาพิเศษ ที่สามารถมองเห็นสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปมองไม่เห็น
ลักษณะของทิพจักขุ:
มองเห็นสิ่งที่อยู่ไกล: มองเห็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินกว่าสายตาจะมองเห็น
มองเห็นสิ่งที่อยู่ลี้ลับ: มองเห็นสิ่งที่อยู่ในโลกทิพย์ ภพภูมิอื่น มิติอื่น
มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต: มองย้อนเวลากลับไปดูเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น
มองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน: มองเห็นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั่วทุกมุมโลก
มองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต: มองเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
การฝึกทิพจักขุ:
ฝึกสมาธิ: พัฒนาจิตให้สงบ จดจ่อ มีสมาธิ
ฝึกวิปัสสนา: พิจารณาไตรลักษณ์ เข้าใจความเป็นจริง ปล่อยวาง
ฝึกศีล: ประพฤติตนดี เว้นชั่ว ทำกุศล
ฝึกจิตให้บริสุทธิ์: ละกิเลส ละความโลภ โกรธ หลง
อาสวักขยญาณ: ดับกิเลส มรรคสู่พ้นทุกข์
อาสวักขยญาณ เป็นญาณอันวิเศษ หนึ่งใน วิชชา ๓ หรือ วิชชา ๘ กล่าวถึง ความรู้ที่เป็นเหตุให้สิ้นอาสวะ ความรู้ที่เป็นเหตุให้กิเลสสิ้นไป เมื่อบรรลุอาสวักขยญาณแล้ว ย่อมพ้นจากกิเลส พ้นจากทุกข์ เข้าถึง มรรคผลนิพพาน
ลักษณะของอาสวักขยญาณ:
รู้แจ้งเห็นจริงว่ากิเลสมีโทษ: เข้าใจโทษภัยของกิเลส ตระหนักว่ากิเลสเป็นเหตุแห่งทุกข์
ละวางกิเลสได้สิ้นเชิง: ปล่อยวางกิเลส ตัณหา อุปาทาน ไม่ยึดติดกับสิ่งใด
พ้นจากภพชาติ: หลุดพ้นจากวัฏสงสาร ไม่เวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป
เข้าถึงมรรคผลนิพพาน: บรรลุนิพพาน พ้นจากทุกข์โดยประจักษ์

Комментарии

Информация по комментариям в разработке