ศึกสายเลือดไอติมไผ่ทอง 2 ฝั่งหนังคนละม้วน แม่วอนลูกเปลี่ยนยี่ห้อ ลูกอ้างสานต่อมรดกพ่อ

Описание к видео ศึกสายเลือดไอติมไผ่ทอง 2 ฝั่งหนังคนละม้วน แม่วอนลูกเปลี่ยนยี่ห้อ ลูกอ้างสานต่อมรดกพ่อ

ดราม่าศึกสายเลือด ของไอศกรีมชื่อดัง ไผ่ทอง หลังจากก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก ไผ่ทองไอสครีม โพสต์ข้อความระบุว่า “รู้กันยังจ๊ะ ระวังสินค้าลอกเลียนแบบนะคะ โปรดสังเกตด้วยจ้า” โดยอ้างอิงว่า ไผ่ทองของแท้ ต้องไม่มีรูปต้นไผ่ และแบรนด์ต้องสะกดคำว่า “ไผ่ทองไอสครีม” ไม่ใช่ “ไผ่ทองไอศครีม” ทำให้ชาวโซเชียลออกมาตั้งข้อสงสัยว่า หากแบรนด์ไผ่ทองที่เป็นรูปต้นไผ่คือของปลอม ซึ่งเรื่องนี้มีการฟ้องร้องกันระหว่างแม่ฟ้องลูกชาย

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพูดคุยเรื่องนี้กับทั้งสองฝ่าย กลายเป็นหนังคนละม้วน พูดไม่ตรงกัน โดยทางฝั่งของคุณแม่นางเฮี้ยง แซ่ซี อายุ 82 ปี เจ้าของธุรกิจไอศกรีมไผ่ทอง ยื่นฟ้องนายบุญชัย ชัยผาติกุล ลูกชายตัวเองที่ผลิตไอศกรีมขายใช้ชื่อเหมือนกันต่างกันแค่ตัวอักษร ส และ ศ และโลโก้ ฝั่งที่มีอักษร ส จะเป็นโลโก้ไม้มะไลสีทองคล้ายต้นไผ่ ส่วนฝั่ง ศ จะมีต้นไผ่สีทอง

คุณรตา ชัยผาติกุล พร้อมด้วยพี่สาวและคุณแม่เปิดเผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวที่เริ่มจากการแยกตัวไปของนายบุญชัยพี่ชายตั้งแต่ปี38 ที่มีปัญหาภายในครอบครัว พอพี่ชายแยกตัวออกไปก็ไปทำธุรกิจขายรถ และมาทราบตอนหลังว่ามาทำธุรกิจไอศกรีม

โดยพี่ชายเรียนรู้ขั้นตอนเทคนิคการทำไอศกรีมกะทิ สูตรดั้งเดิมของตระกูลที่หาเลี้ยงทุกคนจนมาทุกวันนี้ ไปทำเป็นธุรกิจของตัวเอง โดยใช้ชื่อคล้ายกันต่างกันที่ตัวอักษร ซึ่งทางฝั่งเราไม่เคยรู้มาก่อนจนกระทั่ง ต้นปี 61 มีลูกค้าโทรมาร้องเรียนว่าไอศกรีมเรารสชาติไม่เหมือนเดิม ไม่อร่อย เราจึงเริ่มตรวจสอบและพบว่า ลูกค้าที่โทรมาตำหนิ กินไอศกรีมอีกยี่ห้อหนึ่ง ทั้งชื่อและโลโก้ คล้ายกันซึ่งโลโก้ดั้งเดิมออกแบบตั้งแต่ปี 26 ก็มีการพัฒนาให้หมาะกับยุคสมัย ซึ่งเดิมนั้นโลโก้จะเป็นต้นไผ่ สีทอง แต่พอไปจดทะเบียนไปตรงกับผลิตภัณฑ์อื่น จึงคิดโลโก้ใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้น จนเป็นโลโก้ปัจจุบัน

การที่พี่ชายทำแบบนี้ ส่งผลกระทบกับครอบครัวเพราะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง หากจะทำธุรกิจนี้ ใช้ชื่อนี้ก็ทำให้ดีได้มาตรฐาน ซึ่งจะเป็นเรื่องดีหากช่วยกันขยับขยายกิจการ แต่ตอนนี้เหมือนพี่ชายมาทำลายแม่ ทำลายธุรกิจที่แม่และพ่อสร้างมากับมือ

ทางด้านคุณแม่กล่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นลูกไม่เข้าใจกัน ลูกชายรู้ดีทำอะไรไว้ แม่รักลูกและเลี้ยงทุกคนมากับมือ ไม่มีแม่คนไหนอยากฟ้องร้องลูก แต่ที่ต้องฟ้องเพราะลูกคนนี้ดื้อ ไม่ยอมฟัง แม่ไม่ขออะไรมาก ขอแค่หากจะขายไอติมก็เปลี่ยนชื่อ ก็จบแม่ไม่ได้เรียกร้องเงินทองอะไร และแม่ก็ยังรักลูก เหมือนเดิม

นอกจากนี้ คุณรตา บอกว่าเรื่องชื่อแบรนด์ไม่จบแค่นั้น ล่าสุดพบเรื่องการปลอมลายเซ็นคุณแม่ไปใช้ทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์ด้วย เป็นน้องสาวอีกคนที่ทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์ร่วมกับนายบุญชัย มีการปลอมลายเซ็นแม่ไปร่วมในธุรกิจ เพราะแม่เขียนภาษาไทยไม่ได้ แต่มีลายเซ็นแม่ไปโผล่ในการทำธุรกิจนี้ ซึ่งเรื่องนี้ทางแม่และครอบครัวจะให้ทนายความพิจารณาข้อกฎหมายฟ้องร้องต่อไป

ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปคุยกับฝั่งลูกชาย คือคุณบุญชัย ซึ่งชี้แจงว่า ธุรกิจไอศกรีมไผ่ทองนี้ พ่อเป็นคนให้มรดกตนเอง ครอบครัวมีลูกชายสองคนและลูกสาว 6 คน รวม 8 คน ตนเป็นลูกชายคนรอง พ่อให้เลือกมรดก พี่ชายเลือกทำธุรกิจค้าขายเหล็ก ที่มีอุปกรณ์เครื่องมือพร้อมครบครันและมีมูลค่าทรัพย์สินสูง

ตนได้โรงงานไอติม ตอนนั้นยังเช่าพื้นที่ทำโรงงาน ซึ่งพ่อบอกว่าหากตนไม่ทำจะปิดกิจการ ตนก็ทำมาตั้งแต่ปี37 จนพัฒนามีกำไร ขยับขยายเนื้อที่ไป พอปี 38 มีปัญหากันกับครอบครัว ตนถูกให้ออกจากบ้าน มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์ และก็มาทำธุรกิจไอศกรีมสานต่อจากพ่อ ทั้งสูตรและโลโก้ ซึ่งไม่ได้ลอกเลียนแบบใคร เพราะทำมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

โลโก้ของพ่อคือต้องมีต้นไผ่ สีทอง ส่วนตัวอักษร คำว่าไอศครีมเป็นภาษาอังกฤษ จะใช้ตัวไหนก็ได้ ตนเลือกใช้ ศ ศาลา แต่ของแม่ มีโลโก้เป็นสระไอ สีทอง มันคนละอันอยู่แล้ว หากจะมาบอกตนไปก็อปปี้คงไม่ใช่เพราะตนทำมาตั้งแต่แรก และจะให้เปลี่ยนชื่อตนก็ไม่เปลี่ยนเพราะทำมาแบบนี้ตั้งแต่พ่อยังอยู่

คนจะสั่งให้เปลี่ยนได้คือศาล ซึ่งดีใจที่แม่ฟ้อง เพราะอยากให้ปัญหานี้จบ หากศาลสั่งให้เปลี่ยนตนจะเปลี่ยนทันที เพราะไม่มีใครมาตัดสินได้ว่าใครของแท้ใครของปลอม หากชอบรสชาติแบบใดลูกค้าก็เลือกแบบนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลตน เป็นเหมือนแผลผุพองและอักเสบ เมื่อแผลแตกก็มีหนองไหลออกมา ต้องหาหมอรักษา เหมือนตอนนี้ ปัญหาบาดหมางได้แตกออกมาขึ้นสู่ชั้นศาล ตนยอมรับว่า น้ำตาตกในเรื่องความบาดหมางโดยเฉพาะกับแม่แท้ๆ ซึ่งทุกวันนี้ตนรักและเคารพแม่ ตนไม่โกรธที่แม่ฟ้องลูกการฟ้องร้องมีการเรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท ไม่ใช่แค่ฟ้องให้เปลี่ยนชื่อเท่านั้น

เรื่องที่เกิดขึ้นตนในฐานะลูก เคยไปกราบขอขมา ขอโทษแม่แล้ว แต่แม่ก็นิ่งเฉย ทางเดียวที่จะจบปัญหาแบบไม่ฟ้องร้องคือตนต้องหมอบ เท่านั้นถึงจะจบ

ส่วนเรื่องการปลอมลายเซ็นแม่ในการทำธุรกิจรถยนต์ที่น้องสาวมาร่วมกับตนนั้น ตนไม่ทราบ แต่น้องบอกว่าแม่มาขอร่วมลงทุนด้วยและแม่ให้จับมือเซ็นชื่อเอง ไม่ได้มีการปลอมแปลง เรื่องราวทั้งหมดที้เกิดขึ้นก็รอให้ศาลตัดสินชี้ขาด ทุกอย่างก็จะจบ และมองว่าเรื่องราวของตนและครอบครัวที่เกืดขึ้นไม่ใช่ในละคร แต่มันคือความจริง

รายละเอียดเพิ่มเติม https://morning-news.bectero.com/soci...

-------------------------
เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News)
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารได้ก่อนใครได้ที่นี่
เรื่องเล่าเช้านี้.com : http://morning-news.bectero.com
facebook :   / morningnewstv3  
Twitter :   / morningnewstv3  
Official LINE : @ruenglao

Комментарии

Информация по комментариям в разработке