Скачать или смотреть รีวิวเครื่องชงกาแฟ เอสเพรสโซ่ BENO PRO-FLEX ใช้งานง่าย เปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ได้

"ใช้ Beno Pro Flex ครบ 1 ปี – เล่าตามจริง"
.
ผ่านมา 1 ปีเต็มกับ Beno Pro Flex เครื่องชงกาแฟตัวแรกที่ตัดสินใจลงทุนซื้อมาใช้ที่บ้าน บอกตรง ๆ ว่าก่อนซื้อลังเลหนักมาก เพราะราคาก็ไม่ใช่เล่น ๆ แถมในตลาดก็มีตัวเลือกอื่น ๆ อีกเพียบ แต่สุดท้ายก็เลือกตัวนี้เพราะอยากได้เครื่องที่ บด-ชง-ตีฟองนม ได้ในเครื่องเดียว ไม่ต้องวุ่นวายหาหลายอุปกรณ์
.
ตอนแรกที่ได้เครื่องมา จำได้ว่าตื่นเต้นมาก เปิดกล่องออกมาเห็นตัวเครื่องแล้วรู้สึกเลยว่าดีไซน์ดูจริงจัง น้ำหนักเครื่องค่อนข้างหนัก วัสดุจับแล้วรู้สึกแน่นหนา ส่วนประกอบดี ไม่ก๊องแก๊ง
.
และเริ่มใช้จริง... นี่คือ สิ่งที่พบเจอจากการใช้งานตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
.
---

1. เครื่องบดกาแฟ – คมจริง ใช้ได้ดี ในระดับการใช้งานทั่วไป ชงดื่มที่บ้าน เปิดร้านเล็ก ๆ

เครื่องบดของ Beno Pro Flex เป็น เฟืองบดทรงกรวย (Conical Burr) ซึ่งถือว่าดีกว่าพวกใบมีดแบบทั่วไป บดออกมาเม็ดกาแฟสม่ำเสมอ สำหรับคนที่ชงดื่มเองที่บ้าน ไม่ได้เน้นปรับละเอียด ปรับหยาบบ่อย ๆ ก็ถือว่าใช้งานได้สะดวกดี บดเสร็จลงพอร์ตาฟิลเตอร์ได้เลย ไม่ต้องมานั่งเทใส่ถ้วยให้หกเลอะ
.
แต่... จะตั้งค่าความละเอียดได้ไม่เยอะมาก ถ้าเป็นคนที่ชอบลองเมล็ดกาแฟหลาย ๆ แบบ หรือชอบเล่นกับระดับความละเอียดของการบด อาจจะรู้สึกว่ายังไม่สุด

---

2. ระบบหม้อต้มคู่ – ทำกาแฟไปพร้อมกับตีฟองนมได้จริง

อันนี้เป็น จุดที่ชอบที่สุด คือระบบ Double Boiler & Double Pump มันช่วยให้ทำกาแฟกับตีฟองนมได้พร้อมกันจริง ๆ ไม่ต้องรอเหมือนเครื่องรุ่นเล็กที่มีหม้อต้มเดียว พอใช้งานจริงแล้วรู้เลยว่ามัน สะดวกมาก โดยเฉพาะตอนเช้าที่รีบ ๆ

แต่ว่า... ถ้าไม่ได้ใช้ทุกวัน แนะนำให้ล้างหัวชงและล้างระบบไอน้ำบ่อย ๆ เพราะถ้าทิ้งไว้นาน ๆ จะมีคราบสะสม

ซึ่ง เราน่าจะใช้ไม่เกิน 20 ครั้ง เพราะไม่ได้ดื่มกาแฟนม 😅

---

3. แรงดัน 20 บาร์ – แรงแต่ไม่ใช่ทุกอย่าง

ข้อดีคือ มีมาตรวัดแรงดันที่หน้าจอ เราสามารถดูได้เลยว่าตอนสกัดกาแฟอยู่ที่กี่บาร์ ซึ่งช่วยให้จับจังหวะได้ดีขึ้น ซึ่งช่วงหลัง เราเริ่มชงได้ดีขึ้น จากจุดนี้เหมือนกัน
.
แต่...ตอนแรกอ่านสเปกแล้วเห็นว่าให้แรงดัน 20 บาร์ ก็ตื่นเต้น ตามประสาคนไม่เคยมี ไม่เคยใช้ แต่พอใช้จริง ๆ แล้ว และค่อย ๆ ศึกษา แรงดันสูงไม่ได้หมายความว่ากาแฟจะออกมาดีเสมอไป ถ้าผงกาแฟบดหยาบไป หรือกดอัดแน่นเกินไป น้ำอาจจะไหลเร็วเกินหรือช้าเกิน ซึ่งอันนี้ต้องปรับจูนเอง
.
ตอนแรกเราใช้ไม่เป็น ไม่เคยศึกษา กาแฟไหลเป็นน้ำเลย

---

4. ก้านตีฟองนม – ใช้ได้ดี แต่มีช่วงต้องเรียนรู้

สำหรับคนที่ไม่เคยตีฟองนมเอง แรก ๆ อาจจะงง ๆ หน่อยเพราะ ก้านตีเป็นแบบ 3 รู ทำให้ไอน้ำออกแรงพอสมควร ถ้าควบคุมไม่ดี นมจะร้อนเร็วเกินและอาจจะไม่เป็นฟองแบบที่ต้องการ

แต่พอฝึกไปเรื่อย ๆ แล้วรู้จังหวะการตี ก็สามารถทำฟองนมเนียน ๆ ได้ เอาไปทำลาเต้อาร์ตได้เลย อันนี้ถือว่าโอเคมาก

แต่นั่นแหละ เราไม่ได้ใช้ ไม่ได้หัดนะ

---

5. ปัญหาที่เจอ และข้อสังเกต

เสียงบดค่อนข้างมีเสียงดัง แค่เบากว่าเครื่องปั่น – ถ้าอยู่คอนโด หรือห้องที่ต้องการความเงียบ อาจจะต้องทำใจเรื่องเสียงเครื่องบด ถ้ากำแพงหนาก็ไม่เป็นไร สำหรับเรา ทำที่บ้านไม่ได้ซีเรียสตรงนี้
.
ฟิลเตอร์ชงกาแฟ (Basket) ที่แถมมา ค่อนข้างหนา – ถ้าเป็นคนชอบลองเล่นกับรสชาติกาแฟ อาจจะต้องหา Basket แบบอื่นมาเปลี่ยน ทาง BENO เค้าก็มีอุปกรณ์จำหน่ายเหมือนกัน
.
ความร้อนสม่ำเสมอ แต่บางครั้งต้องพรีฮีตเครื่องก่อนชง – ถ้าเปิดเครื่องแล้วรีบชงเลย บางทีอุณหภูมิอาจจะยังไม่นิ่ง ทำให้กาแฟออกมาขมเกินไปหรือเปรี้ยวไป ก็ไม่ต้องรีบเกินไปในจุดนี้ ทำบ่อย ๆ ก็จับจุดได้เหมือนอุปกรณ์ทั่วไป

---

สรุป – คุ้มไหม?

หลังจากใช้มา 1 ปี ถ้าถามว่าคุ้มไหม ตอบได้เลยว่า "คุ้ม" สำหรับคนที่ต้องการเครื่องชงกาแฟแบบ All-in-One ไม่ต้องแยกเครื่องบด ไม่ต้องหาก้านตีฟองนมเพิ่ม แต่... ถ้าเป็นสายกาแฟจ๋า ๆ ที่ชอบปรับแต่งละเอียดทุกจุด อาจจะรู้สึกว่ายังไม่สุด

และที่สำคัญคือ ต้องมีเวลาให้กับมัน เครื่องระดับนี้ถึงจะใช้ง่ายขึ้นกว่ารุ่นใหญ่ ๆ แต่ก็ยังต้องมีการปรับจูน คอยทำความสะอาด และฝึกใช้ให้คล่อง แต่ถ้าตั้งอยู่ที่บ้าน ใช้ทุกวันคล่องแน่

ใครที่กำลังลังเลอยู่ ถ้าอยากได้เครื่องที่ ทำได้ทุกอย่างในตัวเดียว และพร้อมที่จะเรียนรู้การใช้งาน อันนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าอยากได้แบบกดปุ่มเดียวแล้วจบ หรืออยากเล่นกับกาแฟแบบละเอียดสุด ๆ อาจต้องลองมองหาทางเลือกอื่นด้วย

หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะ ใครใช้อยู่แล้วหรือกำลังสนใจ ลองมาคุยกันได้นะ! 😊