Скачать или смотреть งานสัมมนา “ความดันโลหิตสูง” จัดการได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม | ศูนย์อายุรกรรม 24 ชั่วโมง

“ความดันโลหิตสูง” (Hypertension) เป็นหนึ่งในภาวะสุขภาพที่น่ากังวลที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา จนกว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงตามมา ด้วยเหตุนี้จึงถูกขนานนามว่าเป็น “ภัยเงียบ” (Silent Killer) การทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะนี้จึงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด

[00:15] เริ่มงานเสวนา “ความดันโลหิตสูง ภัยเงียบที่ต้องระวัง”
[14:04] ความดันโลหิตคืออะไร (Systolic & Diastolic)
[14:36] ค่าความดันโลหิตที่เหมาะสมคือเท่าไหร่ ?
[15:51] ทำไมความดันโลหิตสูงถึงมักไม่มีอาการ ?
[19:06] ภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย (โรคหลอดเลือดสมอง, โรคหัวใจ)
[20:26] สาเหตุและที่มาของโรคความดันโลหิตสูง
[22:48] ความสำคัญของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
[35:47] ข้อควรรู้
[55:34] ประเภทการออกกำลังกายที่เหมาะสม
[01:01:37] สาธิต: ท่าอบอุ่นร่างกายบนเก้าอี้ (Warm-up)
[01:07:02] สาธิต: ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อบนเก้าอี้ (Stretching)
[01:13:01] สรุปปัจจัยเสี่ยงในชีวิตประจำวัน
[01:15:40] แนะนำวิธีการวัดความดันโลหิตที่บ้านให้ถูกต้อง

ความดันโลหิตสูงคืออะไร ?
ความดันโลหิตคือแรงดันของเลือดที่กระทำต่อผนังหลอดเลือดแดง ค่าความดันโลหิตประกอบด้วยตัวเลข 2 ค่า คือ:
1. ค่าตัวบน (Systolic): แรงดันเลือดขณะที่หัวใจบีบตัว
2. ค่าตัวล่าง (Diastolic): แรงดันเลือดขณะที่หัวใจคลายตัว
โดยทั่วไปแล้ว ค่าความดันโลหิตที่เหมาะสมคือ ต่ำกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท ภาวะความดันโลหิตสูงจะถูกวินิจฉัยเมื่อค่าความดันสูงกว่าเกณฑ์ปกติอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุ: ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นชนิดไม่ทราบสาเหตุชัดเจน (Essential Hypertension) แต่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง
1. พันธุกรรม: หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ ก็จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น: พฤติกรรมการใช้ชีวิต อย่างการบริโภคอาหารรสเค็มจัด หวานจัด และไขมันสูง, การขาดการออกกำลังกาย, ความเครียด, การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ และการพักผ่อนไม่เพียงพอ
2. ภาวะอ้วน

อันตรายจากภาวะความดันโลหิตสูง: การที่หลอดเลือดต้องรับแรงดันที่สูงกว่าปกติเป็นเวลานาน จะทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพและแข็งตัวเร็วขึ้น นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายต่ออวัยวะสำคัญต่าง ๆ เช่น:
1. สมอง: เพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองแตกหรือตีบ (Stroke)
2. หัวใจ: ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นจนเกิดภาวะหัวใจโตและหัวใจวายได้
3. ไต: ทำให้ไตเสื่อมและอาจนำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรัง

การป้องกันและดูแลตนเอง: หัวใจสำคัญของการควบคุมความดันโลหิตคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต (Lifestyle Modification) ซึ่งเป็นแนวทางที่ทุกคนสามารถปฏิบัติได้
1. ปรับเปลี่ยนอาหาร (DASH Diet): ลดการบริโภคเกลือ (โซเดียม), ลดอาหารหวานและไขมันสูง เน้นการทานธัญพืชไม่ขัดสี ผักผลไม้ และเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ

2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิก (เช่น เดินเร็ว, วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ) อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ควบคู่กับการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการยืดเหยียด

3. จัดการความเครียด: หาวิธีผ่อนคลายที่เหมาะสมกับตนเอง เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือทำงานอดิเรกที่ชอบ

4. ควบคุมน้ำหนัก: รักษาน้ำหนักตัวและรอบเอวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

5. ลด ละ เลิก: งดการสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

6. นอนหลับให้เพียงพอ: ควรนอนหลับต่อเนื่อง 6-8 ชั่วโมงต่อคืน

7. ใช้ยาตามคำสั่งแพทย์: หากการปรับพฤติกรรมยังไม่สามารถควบคุมความดันได้ แพทย์อาจพิจารณาให้ยาลดความดันโลหิต ซึ่งผู้ป่วยต้องรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและไม่ปรับยาเอง

8. วัดความดันโลหิตที่บ้าน: การมีเครื่องวัดความดันติดบ้านและจดบันทึกค่าเป็นประจำ จะช่วยให้ติดตามและควบคุมความดันได้ดียิ่งขึ้น

แม้ความดันโลหิตสูงจะเป็นภาวะเรื้อรัง แต่ก็สามารถจัดการและควบคุมได้ หากเราใส่ใจดูแลสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างจริงจัง ก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้
-----------------------------------------------
ติดต่อแผนก Call Center
ทุกวันเวลา 08.00-17.00 น.
📞 024335666
☎ 024338222
📲Line OA : @chaophya

www.chaophya.com
www.tiktok.com/@chaophyahospital
www.facebook.com/hospitalchaophya
www.instagram.com/chaophyahospital
/ thechaophyahospital

#โรงพยาบาลเจ้าพระยา
#ศูนย์แพทย์เฉพาะทาง24ชั่วโมง
#ศูนย์แพทย์เฉพาะทางเที่ยงคืน
📞 024341111
☎ 028847000
"สุขภาพของคุณมั่นใจได้ไม่ต้องรอถึงเช้า"