Скачать или смотреть หลวงตาอึ้งเมื่อรู้ว่า หมอผีเขมรทำคุณไสยใส่พลโทบุญสิน

*หลวงตา* ได้สนทนาธรรมและตอบคำถามหลากหลายประเด็น โดยเน้นย้ำเรื่อง *การทำงานเพื่อผู้อื่น* และ *ความสำคัญของปัญญาเหนือความเชื่องมงาย* ท่านได้เล่าถึงการไปมอบ *เสื้อเกราะ* ให้ทหารที่ศรีสะเกษ และการรับบริจาคเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของวัด *วัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์* ซึ่งเป็นเสมือนครอบครัวใหญ่ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ท่านยังกล่าวถึงการเผชิญหน้ากับความกลัวและความเชื่อผิดๆ รวมถึงการปัดเป่าเรื่อง *คุณไสย* และ *โชคลาง* โดยยึดหลัก *กรรม* และ *สติปัญญา* ตามแนวทางของพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง.
ตามที่หลวงตาเทศนา แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาและข้อแตกต่างจากความเชื่อทางไสยศาสตร์มีดังนี้ครับ:

*แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา:*
หลวงตาเน้นย้ำว่าพระพุทธศาสนา *ไม่ใช่ไสยศาสตร์ แต่เป็นพุทธศาสตร์* ซึ่งเป็นศาสตร์ของ *"ผู้ตื่นรู้"*
คำว่า *"พุทธะ" แปลว่า "ตื่น"* ในขณะที่ *"ไสยาท" แปลว่า "นอนหลับ"*
พระพุทธศาสนามุ่งเน้นที่ *สติและปัญญา* เป็นสำคัญ
หลวงตากล่าวว่า ไม่ได้สอนให้เพียงแค่ศรัทธาหรือให้งมงาย แต่สอนให้มีปัญญาและสติ
*ศรัทธาเพียงอย่างเดียวไม่พอ* ต้องอาศัยสติและปัญญาในการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน หากศรัทธาอย่างเดียวโดยปราศจากปัญญา จะกลายเป็นความลุ่มหลง
ความเชื่อที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่การคิดว่าเชื่อ แต่ต้องเป็นการ *"เห็นจริง" และ "เข้าไปเป็นจริง ๆ"* หลวงตาเล่าประสบการณ์ที่แม้จะอยู่กับหลวงปู่ใหญ่เป็นเวลา 8 ปี แต่ก็ยังมีความสงสัยอยู่ เพราะแท้จริงแล้วคนเรามักจะเชื่อในความคิดและความเห็นของตนเองมากกว่า
แก่นแท้ของธรรมะตามที่พระพุทธเจ้าสอนตลอด 45 พรรษา คือ *ศีล สมาธิ และปัญญา* และวิธีการปฏิบัติคือ *อานาปานสติ* (การระลึกรู้ลมหายใจ)

*ความแตกต่างจากความเชื่อทางไสยศาสตร์:*

*เน้นปัญญา ไม่ใช่ความงมงาย:* หลวงตาปฏิเสธความเชื่อเรื่องผีและคุณไสยอย่างชัดเจน โดยมองว่าเป็นเรื่องของ *"ความไม่รู้"* และ *"อุปทาน"*
หลวงตาอธิบายว่าใน 31 ภพภูมิที่พระพุทธเจ้ากล่าวถึง *ไม่มี "ภพของผี"* เลย มีแต่เปรต สัตว์นรก อสุรกาย ซึ่งเป็นภพภูมิของสัตว์ที่ได้รับผลกรรม
ความกลัวผีเกิดจาก "สัญญา" (การจำได้หมายรู้) หลวงตายกตัวอย่างเปรียบเทียบระหว่างคนไทยที่เชื่อเรื่องผีกับชาวแคนาดาที่ไม่มีศาสนาซึ่งไม่เชื่อเรื่องผี เมื่ออยู่ในป่าช้า คนไทยจะกลัวแต่ชาวแคนาดาจะเฉย เพราะสัญญาต่างกัน
หลวงตายังเล่าประสบการณ์ของตนเองสมัยบวชใหม่ที่เคยกลัวผีถึงขั้นปิดหน้าต่างประตู แต่มารู้ภายหลังว่าผีไม่มีตัวตน สามารถเข้าออกได้อยู่ดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึง *"ความโง่เขลา"* ที่เกิดจากความกลัว เมื่อเกิดปัญญาและยอมรับเรื่องกรรม ความกลัวก็หายไป
*เชื่อเรื่อง "กรรม" คือการกระทำ ไม่ใช่ฤทธิ์เดชหรือคุณไสย:*
หลวงตาเน้นว่า *"กรรมคือการกระทำ"* ทุกสิ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย ใครสร้างเหตุแบบใดย่อมได้ผลแบบนั้น *ไม่มีของฟรี* ทุกอย่างล้วนเป็นเจตนาที่เป็นกรรมทั้งสิ้น
หลวงตาไม่เชื่อเรื่องคุณไสย และท้าทายผู้ที่อ้างว่ามีอำนาจดังกล่าว โดยให้ไปลองใช้พลังในสถานการณ์ที่จริงจัง เช่น ไปหยุดสงคราม ท่านเปรียบเทียบว่าหากคุณไสยมีจริง ก็คงไม่ต้องมีการสร้างระเบิดหรือรถถังแล้ว
หลวงตายังยกตัวอย่างเทวทัตที่แม้จะมีอภิญญา 5 และสมาบัติ 8 ก็ยังไม่สามารถหนีกรรมได้
ท่านกล่าวว่า *"ถ้ามึงไม่เชื่อ (คุณไสย) มันก็ทำอะไรมึงไม่ได้หรอก"* การเชื่อในเรื่องเหล่านั้นเป็น *"ปัญญาอ่อน"*
หลวงตายังอ้างถึงประวัติศาสตร์การเสียกรุงมคธของอินเดียในสมัยพระเจ้ามูฮัมหมัด ซึ่งเป็นเพราะผู้คนไปเชื่อในสิ่งเหล่านี้และมีแต่พระสงฆ์สวดมนต์ป้องกันประเทศ แทนที่จะมีทหารป้องกัน
*ความฉลาดและปัญญาของพระอรหันต์:* หลวงตาไม่เห็นด้วยกับตำราที่กล่าวว่าพระอรหันต์นั่งรอให้คนมาตัดคอ ท่านกล่าวว่าพระอรหันต์นั้นฉลาด และย่อมจะหลีกหนีอันตราย ท่านยังเตือนให้พิจารณาการเขียนประวัติหรือตำราต่างๆ ว่าอาจมีการแต่งเติมเพื่อความสนุกสนาน ไม่ใช่แก่นธรรมที่แท้จริง