โลกร้อนสุดในประวัติศาสตร์ 2023 ทำลายสถิติ 3 เดือนติด

ตามรายงานขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ระบุว่าปี 2023 เป็นปีที่อุณหภูมิโลกสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 1.4 องศาเซลเซียส สูงกว่าก่อนยุคอุตสาหกรรม 1.1 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติเดิมในปี 2016 ซึ่งอยู่ที่ 1.1 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้เป็นผลจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้โลกร้อนขึ้นและเกิดปรากฏการณ์สภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น เช่น คลื่นความร้อน พายุรุนแรง และภัยแล้ง

ในปี 2023 คลื่นความร้อนได้เกิดขึ้นทั่วโลก โดยบางพื้นที่มีอุณหภูมิสูงเป็นประวัติการณ์ เช่น ในยุโรปตะวันตก อุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน ในสหรัฐอเมริกา อุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดไฟป่าขนาดใหญ่ในหลายพื้นที่

นอกจากคลื่นความร้อนแล้ว ยังมีพายุรุนแรงเกิดขึ้นทั่วโลกเช่นกัน เช่น พายุเฮอริเคนแอตแลนติก พายุไซโคลนในมหาสมุทรอินเดีย และพายุไต้ฝุ่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พายุเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนักต่อทรัพย์สินและชีวิตผู้คน

ภัยแล้งก็เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์สภาพอากาศที่รุนแรงที่เกิดขึ้นในปี 2023 โดยบางพื้นที่มีปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาก ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งและขาดแคลนน้ำ ตัวอย่างเช่น ในออสเตรเลีย ประสบกับภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี ส่งผลให้เกษตรกรต้องสูญเสียผลผลิตเป็นจำนวนมาก

สถานการณ์โลกร้อนที่รุนแรงขึ้นนี้ก่อให้เกิดความกังวลต่ออนาคตของโลก โดยหากอุณหภูมิโลกยังคงสูงขึ้นต่อไป จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ เศรษฐกิจ และสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้