Скачать или смотреть Shingles Disease Therapy EP1.การบำบัดโรคงูสวัด world star thailand 095-5959879

โรคงูสวัด (shingles/herpes zoster)คืออะไร
โรคงูสวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัส varicella-zoster ชนิดเดียวกับเชื้อไวรัสโรคอีสุกอีใส หลังจากผู้ป่วยหายจากโรคอีสุกอีใสแล้ว ไวรัสจะยังคงอยู่ในเนื้อเยื่อเส้นประสาทใกล้กับไขสันหลังและสมอง ไวรัสสามารถคงอยู่เฉยๆ ได้นานหลายปี แต่ในบางกรณี ไวรัสอาจกลับมาทำงานอีกครั้งและทำให้เกิดโรคงูสวัดได้ โรคงูสวัดมักเกิดกับผู้สูงอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป โรคงูสวัดไม่มียารักษาได้ สามารถป้องกันได้ด้วยยาต้านไวรัส
โรคงูสวัดไม่ได้เป็นโรคติดต่อ แต่สามารถแพร่กระจายไวรัส varicella-zoster ไปยังคนที่ไม่มีโรคอีสุกอีใสได้ จากนั้นพวกเขาก็อาจเป็นโรคอีสุกอีใสได้ (ดังนั้นไม่สามารถรับโรคงูสวัดจากคนอื่นที่เป็นโรคงูสวัดได้ แต่สามารถรับโรคอีสุกอีใสได้)
ไวรัสโรคงูสวัดต่างจากโรคอีสุกอีใสตรงที่มักไม่แพร่กระจายโดยการไอและจาม ไวรัสแพร่กระจายโดยสัมผัสกับของเหลวจากตุ่มพองบนผิวหนังคนที่เป็นโรคงูสวัด หรือใช้ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว สามารถปิดแผลพุพองด้วยผ้าปิดแผลเพื่อลดการแพร่เชื้อไวรัสไปยังผู้อื่น เมื่อตุ่มพุพองหายไปก็จะไม่แพร่เชื้ออีก
ประเภทของโรคงูสวัด โดยทั่วไปคือรูปแบบหรือพื้นที่ต่างๆ ของร่างกายที่อาจได้รับผลกระทบจากการติดเชื้อไวรัส มีดังนี้
เริมงูสวัด (Herpes Zoster ) นี่คือโรคงูสวัดที่พบบ่อยที่สุด โดยทั่วไปจะส่งผลต่อบริเวณหรือแถบเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย ตามเส้นทางของเส้นใยประสาทที่ได้รับผลกระทบ ผื่นจะปรากฏเป็นกลุ่มของพุพองที่เต็มไปด้วยของเหลวซึ่งจะแตกออกและก่อตัวเป็นสะเก็ด
โรคงูสวัดตา(Ophthalmic Shingles) โรคงูสวัดประเภทนี้ส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทตาซึ่งส่งความรู้สึกไปยังหน้าผาก หนังศีรษะ และดวงตา โรคงูสวัดตาอาจทำให้เกิดผื่นรอบดวงตาและหน้าผาก ร่วมกับอาการต่างๆ เช่น ตาแดง ปวด และในบางกรณีอาจเกิดปัญหาการมองเห็น
Ramsay Hunt syndrome เป็นโรคงูสวัดชนิดหนึ่งที่ส่งผลต่อเส้นประสาทใบหน้า มีลักษณะเป็นผื่นหรือตุ่มพองที่หู ช่องหู และติ่งหู นอกจากผื่นแล้ว อาจมีอาการเป็นอัมพาตบนใบหน้า ปวดหู สูญเสียการได้ยิน และอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของเส้นประสาทใบหน้า
โรคงูสวัดที่แพร่กระจาย(Disseminated Shingles) โรคงูสวัดที่แพร่กระจายเกิดขึ้นเมื่อไวรัสแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายนอกเหนือจากบริเวณผื่นเริ่มแรก อาจทำให้เกิดผื่นและตุ่มพองกระจายไปทั่วร่างกายได้ โรคงูสวัดที่แพร่กระจายมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

สาเหตุส่งผลเกิดโรคงูสวัด
-ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคงูสวัด อาจติดเชื้อซ้ำอีกได้ จากอายุที่เพิ่มมากขึ้น อาการป่วยบางอย่าง (เช่น เอชไอวี/เอดส์) หรือยาที่กดระบบภูมิคุ้มกัน (เช่น เคมีบำบัดหรือยากดภูมิคุ้มกัน)
-อายุ ความเสี่ยงการเกิดโรคงูสวัดเพิ่มขึ้นตามอายุ เมื่อระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงตามอายุ การควบคุมไวรัส varicella-zoster ก็จะมีประสิทธิภาพน้อยลง
-ความเครียดทางร่างกายหรืออารมณ์ และการเจ็บป่วยที่รุนแรง
อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ทำให้เกิดโรคงูสวัดได้ง่ายขึ้น
-เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน ไวรัสจะกลับมาทำงานอีกครั้งในชีวิต
และทำให้เกิดโรคงูสวัดได้

อาการและอาการแสดงของโรคงูสวัด จะแตกต่างกัน อาการที่พบบ่อยมีดังนี้
-ความเจ็บปวด คัน รู้สึกเสียวซ่า หรือรู้สึกแสบร้อนในบริเวณเฉพาะ
ของร่างกาย ซึ่งมักเกิดก่อนอาการที่มองเห็นได้
-เป็นผื่น โดยปกติประมาณ 2-3 วันหลังจากเกิดอาการ จะมีผื่นบนผิวหนัง
เป็นแถบหรือแถบของตุ่มพองของเหลวสีแดง ที่แตกออกและก่อตัวเป็นเปลือก
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 10 วัน หรือหลายสัปดาห์จึงจะหาย ผื่นมักเป็นเฉพาะ
ด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย โดยทั่วไปจะเกิดบริเวณลำตัว คอ หรือใบหน้า
และเป็นไปตามเส้นทางของเส้นใยประสาทที่ได้รับผลกระทบ
-อาการปวดเส้นประสาทอย่างรุนแรง หรือปวดแสบปวดร้อนตามเส้นประสาท
ที่ได้รับผลกระทบ อาการนี้อาจเกิดต่อเนื่องและรุนแรงแม้หลังจากผื่นหายแล้ว
และอาจคงอยู่นานเป็นเดือน หรือ ปี
-อาการคันและความไวต่อการสัมผัสหรือการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
-อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ เหนื่อยล้า ปวดศีรษะ และรู้สึกไม่สบายโดยทั่วไป
-อาการบวมและอักเสบ ที่ผื่นและผิวหนังโดยรอบ
-แผลพุพองที่เต็มไปด้วยของเหลวเป็นลักษณะเฉพาะของผื่นโรคงูสวัด
แผลพุพองเหล่านี้เปราะบางและสามารถแตกออกได้ง่ายทำให้เกิดสเก็ดแผลขึ้น
ปรึกษาสุขภาพฟรี
โทร. 0955959879 อ.วรรณะ ทรงคุณแท้ นักเคมีเภสัช
ติดตามทาง LINE ID sited_billionaire
ติดตามผ่าน youtube ได้ที่    / @wannasongkhuntae  
ติดตามทาง facebookได้ที่ https://www.facebook.com/profile.php?...
ติดตามทาง blogger ได้ที่ https://pernetinn.blogspot.com/