Скачать или смотреть "ละครคลิปเสียง" จวนจบ! ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไต่สวน “แพทองธาร-เลขาฯ สมช.”...นัดชี้ชะตา 29 ส.ค.นี้

ละครคลิปเสียง แพทองธาร - ฮุนเซน ใกล้ถึงฉากสุดท้าย

-----

1. เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญออกเอกสารข่าวผลการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับคดีคลิปเสียง แพทองธาร - ฮุนเซน สรุปว่า ศาลกำหนดนัดไต่สวนพยานบุคคลจำนวน 2 ปาก คือ แพทองธาร และและเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในวันที่ 21 สิงหาคม เวลา 10.30 น. และให้คู่ความทั้งสองฝ่ายที่ประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดียื่นเป็นหนังสือต่อศาลภายในวันที่ 27 สิงหาคม หากไม่ยื่นภายในกำหนด ถือว่าไม่ติดใจยื่น

ศาลนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 09.30 น. และนัดฟังคำวินิจฉัย เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป

2. ในวันเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงตอนหนึ่งว่า ตนมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีเจตนากระทำความผิด “การกระทำของข้าพเจ้าตามข้อกล่าวหาของผู้ร้องจึงไม่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2564 แต่อย่างใด อีกทั้งการกระทำของข้าพเจ้าก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนในความสุจริตและเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งของข้าพเจ้าแต่ประการใด “

และแพทองธารอ้างพยาน 5 ปาก แต่ศาลอนุญาต 1 ปาก คือ เลขาธิการ สมช.

ผู้เขียนพิจารณาแล้ว มีความเห็นดังนี้

1)เหตุที่ทีมงานของแพทองธารขอขยายเวลายื่นคำชี้แจงถึง 2 ครั้ง รวม 30 วัน แต่ศาลอนุญาตเพียง 20 วัน ทั้ง ๆ ที่นอกจากข้อเท็จจริงจะไม่ได้สลับซับซ้อนแล้ว ยังเป็นข้อเท็จจริงที่อยู่ในความรับรู้ของฝ่ายตน เหตุที่ขอขยายเวลาแล้วขอขยายอีก น่าจะเป็นเพราะต้องการยืดเวลาเพื่อหาทางให้ฝ่ายตนชนะคดี

2) แพทองธารขอไต่สวนพยานบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 ปาก โดยอ้างว่า เพื่อให้ศาลได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน โดยคำนึงถึงบริบททางภูมิรัฐศาสตร์และประวัติศาสตร์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ดำรงอยู่ต่อเนื่องมาหลายรัฐบาล แต่ศาลอนุญาตเพียง 1 ปาก คือ เลขาธิการ สมช. พยานอีก 4 ปาก ศาลไม่อนุญาต ได้แก่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการบำนาญในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกัมพูชา รองเจ้ากรมพระธรรมนูญทหาร และอดีตทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และรัสเซีย

ผู้เขียนเห็นว่า ข้อความที่คุยกันทางโทรศัพท์จนถูกฮุนเซนบันทึกไว้ แพทองธารก็ยอมรับว่าได้พูดจริง จึงเป็นการกระทำอันเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ต้องไต่สวนเพื่อให้ได้ความจริงมา คงเหลือแต่ปัญหาว่า แพทองธารมีเจตนาตามข้อความที่พูดออกมาหรือไม่ ปัญหาข้อนี้ศาลสามารถพิจารณาจากคำพูดและพฤติกรรมของแพทองธารได้ตามหลัก “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” หากแพทองธารจะอ้างบุคคลอื่นที่รู้จักนิสัยใจคอของตนเป็นอย่างดีมาเป็นพยาน ศาลก็อาจอนุญาตได้บ้าง ที่ศาลใช้ดุลพินิจอนุญาตให้อ้างเลขาธิการ สมช. ผู้ทรงคุณวุฒิเพียงคนเดียวมาเป็นพยานของฝ่ายแพทองธาร และไม่อนุญาตให้อ้างบุคคลอื่นอีก 4 คนดังกล่าวมาเป็นพยานผู้ทรงคุณวุฒิ จึงน่าจะชอบแล้ว

3) ที่แพทองธารอ้างในคำชี้แจงว่า การกระทำของตนไม่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2564 นั้น ก็เป็นข้องอ้างที่ไม่ถูกต้อง เพราะศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยในคดีถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ฯ พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมคนละฉบับกับที่แพทองธารอ้างในคำชี้แจง

4) ส่วนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยเบื้องหลังคลิปเสียงดังกล่าว ผ่านงาน Exclusive Talk กับ 3 ผู้นำทางความคิด ทาง Nation TV เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ว่า คลิปเสียง แพทองธาร - ฮุน เซน เกิดขึ้นหลังกัมพูชาขอเจรจา แต่ถูกปล่อยให้รอ 3 ชั่วโมง อ้างว่านอนหลับ ก่อนมีสายโทรศัพท์เข้าโทรศัพท์มือถือส่วนตัวแพทองธาร และถูกอัดเสียงไว้ หลังคณะทำงานแยกย้ายกันกลับไปนั้น หากเรื่องราวส่วนนี้ปรากฏอยู่ในคำชี้แจงของแพทองธาร จะรับฟังได้หรือไม่ คอการเมืองทั้งหลายน่าจะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่จะปรากฏอยู่ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ คงต้องรอฟังต่อไป

วัส ติงสมิตร

นักวิชาการอิสระ

14/8/68

#แพทองธาร #ศาลรัฐธรรมนูญ #ฮุนเซน #ข่าวการเมือง #การเมืองไทย #ไทยไท