สยามวิปโยค ... วันสวรรคตรัชกาลที่ ๕

พระอาการประชวร - วันสวรรคต รัชกาลที่ ๕


*ปลายปี ๒๔๔๙

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยาวนานกว่า ๔๒ ปี ยังความร่มเย็นเป็นสุขแก่ปวงอาณาประชาราษฎร และความเจริญก้าวหน้าแก่บ้านเมืองในทุก ๆ ด้าน ความยั่งยืนแห่งรัชกาล ยาวนานจนชาวสยามไม่ทันคิดถึงวันแห่งความเปลี่ยนแปลง

หลังการพระราชพิธีรัชมังคลาภิเศก ผ่านพ้นไปได้เพียงสองปี พระองค์ทรงเริ่มประชวร โดยทั่วไปทราบเพียงว่าทรงพระประชวร แต่พระอาการไม่มาก ในวันอาทิตย์ที่ ๑๖ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๙ แต่.... พระโรคได้กลายเป็นทางพระวักกะพิการ แพทย์ได้ประกอบพระโอสถถวายพระอาการหาคลายไม่ ครั้นถึงวันเสาร์ที่ ๒๓ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๙ เวลา ๒ ยาม ๔๕ นาที เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังสวนดุสิต พระชนมพรรษา ๕๘ เสด็จดำรงสิริราชสมบัติ ๔๓ พรรษา
........................................................................
สยามวิปโยค.........
วันอาทิตย์ที่ ๑๖ ตุลาคม ร.ศ.๑๒๙ (พ.ศ. ๒๔๕๓) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขับรถไฟฟ้าออกประพาสในเย็นวันนั้นเหมือนปกติ เพื่อทรงทอดพระเนตรฟาร์มเลี้ยงไก่พันธุ์ต่างประเทศ และในบริเวณทุ่งพญาไท แต่มิได้เสด็จลงจากรถพระที่นั่ง ทรงมีรับสั่งว่า "ท้องไม่ค่อยสบายจะรีบกลับ"

วันจันทร์ที่ ๑๗ ถึงวันอังคารที่ ๑๙ ตุลาคม มีงานบำเพ็ญพระราชกุศลประจำปีถวายรัชกาลที่ ๔ ใพระบรมมหาราชวัง แต่เนื่องด้วยพระนาภียังไม่เป็นปกติ จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จไปแทนพระองค์

วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ ตุลาคม เวลา ๓ โมงเช้า คุณพนักงานออกมาบอกว่า สมเด็จพระบรมราชินีนาถ มีรับสั่งให้มหาดเล็กไปตาม หมอเบอร์เมอร์ หมอไรเตอร์ และหมอปัวซ์ ให้รีบมาเฝ้าโดยเร็ว

วันศุกร์ ที่ ๒๑ ตุลาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกริ้วหมอว่า "อาหารก็ไม่ให้กิน ยาก็ไม่ให้กิน ให้นอนนิ่ง ๆ อยู่เฉย ๆ จะรักษาอย่างไร ก็ไม่รักษา มันจะหายได้อย่างไร " แล้วตรัสต่อไปว่า "เชื่อถือหมอฝรั่งไม่ได้ ประเดี๋ยวพูดกลับไป อย่างโน้นอย่างนี้ ไม่แน่นอนเป็นหลักฐานอะไรได้"

เมื่อหมอกลับลงมาแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งกับสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ให้ไปตามใคร ๆ เข้ามาพูดจา ปรึกษากันดูเถิด

วันเสาร์ ที่ ๒๒ ตุลาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระอาการหนักมาก พระบังคนเบาที่คาดว่าจะมีก็ไม่มี พิษของพระบังคนเบา ซึมไปตามเส้นพระโลหิตทั่วพระองค์ จึงทำให้เป็นพิษเซื่องซึม บรรทมหลับอยู่เสมอ หมอตั้งพระโอสถถวาย เร่งให้มีพระบังคนเบาแรงขึ้นทุกที พวกหมอฝรั่งประชุมกันและเขียนรายงานพระอาการว่า พระอาการมาก เหลือกำลังที่จะถวายการรักษาแล้ว

วันเสาร์ ที่ ๒๓ ตุลาคม เหตุการณ์วันนั้้น.... “เวลาข้ามผ่านเที่ยงคืนมาเป็นวันที่ ๒๓ ตุลาคม หมอแต่ละคนหมั่นผลัดเปลี่ยนกันขึ้นถวายตรวจชีพจร พระเจ้าอยู่หัวทรงหายพระทัยแผ่วเบาลงทุกที ๆ ไม่มีพระอาการกระวนกระวายแต่อย่างใด ยังคงบรรทมอยู่อย่างเดิม แต่พระเนตรของพระองค์กลับค่อย ๆ หรี่แล้วทรงหลับพระเนตรลงในที่สุด เจ้าพนักงานลงมาตามหมอฝรั่งขึ้นไปถวายตรวจพระอาการอีกครั้ง สักพักหมอจึงทูลกับเหล่าพระมเหสีที่ประทับเฝ้าพระอาการอยู่ ณ ที่นั้นว่า....พระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตเสียแล้ว
……………………………………………………………….
“....ทันใดนั้นเหล่าพระราชโอรส พระราชธิดา มเหสี สนม เจ้าจอม ก็แย่งกันกรูเข้าไปดูพระบรมศพ เมื่อเห็นแล้วก็พากันล้มลงกับพื้น นอนร้องไห้คร่ำครวญเสียงระงมไปทั่วทั้งพระที่นั่ง โดยเฉพาะพระราชธิดาที่พากันนอนทอดกายกรรแสงเป็นลมกันยกใหญ่ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงประชวรพระวาโย หมอฝรั่งต้องรีบถวายยาฉีด ข้าหลวงจึงทูลเชิญขึ้นประทับบนพระเก้าอี้แล้วหามกลับพระตำหนักสวนสี่ฤดู สำหรับสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี ก็ทรงประชวรพระวาโยเช่นกัน ทรงพระกรรแสงยกใหญ่มิได้พระสติ ข้าหลวงทูลเชิญขึ้นพระเก้าอี้แล้วหามกลับพระตำหนักสวนหงส์ เห็นจะมีแต่สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระองค์เดียว ที่สามารถควบคุมพระสติได้ แม้ว่าจะทรงพระกรรแสง แต่ก็ยังแข็งพระทัยนั่งเป็นประธานอยู่ปลายพระแท่นที่พระบรมศพบรรทมอยู่......”

คลิปนี้ SIAM HISTORY ได้นำมารวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่เพื่อให้เข้าใจง่าย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ และขอขอบพระคุณที่กดไลค์ และกดแชร์คลิป แทนการดาวน์โหลดแล้ว นำไปอัพโหลดใหม่ครับ

ติดตามเรื่องราวประวัติศาสตร์...เรื่องเล่า...ตำนาน และเกร็ดความรู้เมืองสยาม ในรายการ SIAM HISTORY ...ฝากกดติดตาม กดlike กดแชร์ กดกระดิ่ง เพื่อติดตามตอนต่อๆ ไป แล้วคุณจะไม่พลาดเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่อาจหลงลืมไป.... ร่วมแนะนำ ติชม และพูดคุยแสดงความคิดเห็นกันนะครับ facebook @SIAM History

#รัชกาลที่๕ #วันสวรรคต #วันสวรรคตรัชกาลที่ ๕ #วันที่๒๓ตุลาคม #พระปิยะมหาราช
#วันปิยะมหาราช