เปิดบัญชีเงินฝากกี่บัญชี กี่ธนาคารดี | แบ่งบัญชีเงินฝากอย่างไรให้ชีวิตมีความมั่งคั่งมากขึ้น

คนหนึ่งคนควรจะมีบัญชีกี่บัญชี ไม่มีตัวเลขมหัศจรรย์จะบอกได้ทันที แต่อาจจะมีหลักการที่แนะนำได้ว่าต้องพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง ทั้งนี้ในทางการเงินจะมีแต่คำว่าเหมาะสมเฉพาะแต่ละบุคคลแต่ละสถานการณ์ แต่จะไม่มีคำว่าดีที่สุด

จำนวนบัญชีเท่าไหร่ดี ถ้ามีเยอะๆเลย เปิดทุกธนาคารเลย แต่ละธนาคารมีบัญชีอะไรเปิดหมดเลย ก็จะมีข้อเสียเหมือนกันว่า ถ้ามีเยอะมากๆถามว่าจะจำได้หรือไม่ พอจำไม่ได้ แปลว่าเงินก้อนนั้นอาจหายไปจากความทรงจำ แล้วถ้าเป็นลักษณะของการเปิดบัญชีทางอินเตอร์เน็ต เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ถ้าลืมปุ๊ปมันก็อาจทำให้ลืมเงินจำนวนไปเลย

นอกจากนั้นถ้ามีจำนวนบัญชีเยอะเกินไป เงินกระจายไปหลายๆที่ อาจทำให้จำนวนเงินที่มีในบัญชีต่ำกว่ายอดเงินขั้นต่ำ แล้วไม่มีการเคลื่อนไหว ก็อาจจะเสียค่าธรรมเนียม โดยส่วนใหญ่ธนาคารฯมักจะกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำที่คงเหลือเอาไว้ประมาณสัก 2,000 บาท ถ้าต่ำกว่านี้ และไม่มีการเคลื่อนไหวติดต่อกันประมาณหนึ่งปี พอเข้าเดือนที่ 13 ก็อาจะถูกคิดค่าธรรมเนียมในการรักษาบัญชีประมาณอยู่ที่ 50 บาทต่อเดือน แต่ไม่ได้แปลว่าทุกธนาคารเหมือนกัน บางธนาคารอาจจะกำหนดอยู่ที่ 1,000 บาท บางธนาคารอาจจะกำหนดอยู่ที่ 500 บาท ต้องไปติดต่อสอบถามธนาคารดูโดยตรง

นอกจากนั้นหากมีการเปิดกระจายหลายบัญชีมาก และบัญชีบางบัญชีก็เลยไม่มีการเคลื่อนไหวเกิน 12 เดือน บัญชีนั้นจะถูก Freeze เอาไว้ ต้องไปติดต่อที่สาขาให้ปลดล็อคก่อนถึงจะสามารถใช้ได้

ในทางตรงกันข้ามก็มีข้อเสียเช่นกันถ้าเกิดเรามีบัญชีน้อยไป สมมุติทุกอย่างรวมอยู่ในบัญชีเดียวเลย จะรายรับรายจ่ายอยู่ในบัญชีเดียวกันเลย ก็จะเกิดความสับสนได้ ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีการโอนเงินรายได้เข้ามาหรือยัง เพราะอาจมีรายการโอนเงินเข้าซ้ำๆกันเท่าๆกันหลายๆรายการ นอกจากนั้นก็อาจไม่สามารถแจกแจงได้ว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ดังนั้นการมีจำนวนของบัญชีน้อยไปก็อาจทำให้ตัวเลขของแต่ละรายการธุรกรรมที่เกิดขึ้นมีความสับสนได้

นอกจากนั้นจำนวนของบัญชีน้อยไปอาจทำให้เงินทั้งหมดอยู่ในบัญชีเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันนี้เงินฝากจะไม่ได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวน ปัจจุบันนี้เงินฝากจะได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากต่อต่อ 1 ราย ต่อ 1 ธนาคาร 5 ล้านบาท จนถึงวันที่ 10 สิงหาคม ปี 2564 แล้วหลังจากนั้น วันที่ 11 สิงหาคม 2564 จำนวนเงินคุ้มครอง สถาบันคุ้มครองเงินฝากเค้าจะลดความคุ้มครองเหลือแค่ล้านเดียว

นอกจากนั้นการที่มีบัญชีน้อยเกินไป แล้วบังเอิญเอาไปฝากอยู่ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แบบพิเศษ หรือบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ซึ่งจ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั่วๆไป ธนาคารอาจกำหนดเงื่อนไขให้ถอนได้ 2 ครั้งต่อเดือน กรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่า 2 ครั้ง ก็อาจต้องเสียค่าธรรมเนียม

สรุป 3 หลักเกณฑ์ที่จะใช้ในการพิจารณาว่าควรมีบัญชีเงินฝากกี่บัญชี ได้แก่

1.กำหนดตามวัตถุประสงค์เป็นบัญชีต่างๆตามแหล่งรายรับ เช่น บัญชีเงินเดือนหรือรายได้ประจำ บัญชีรายรับจากการลงทุน บัญชีจากรายได้อื่นๆ และบัญชีแยกตามแหล่งรายจ่าย เช่น บัญชีที่เป็นเงินออมเงินลงทุนที่ Pay yourself first ตัดทุกๆเดือน บัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน

2.การกระจายความเสี่ยง เช่น อาจกระจายให้ไม่เกินวงเงินความคุ้มครอง 1 ล้านบาท อย่างไรก็ตามสำหรับบุคคลที่มีเงินเป็นร้อยล้านบาท ก็คงไม่ Make Sense ที่จะใช้วิธีการกระจายความเสี่ยงด้วยตัววงเงินว่าอย่าเกิน 1 ล้าน ก็จะมีคนแนะนำทั่วๆไปว่าเอาเงินไปฝากไว้แต่ละธนาคารอย่าให้เกิน 20-25 % ของเงินทั้งหมดที่เรามี

3. พิจารณาข้อกำหนดของแต่ละบัญชีเพื่อให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยขั้นสูงของแต่ละธนาคาร เช่น บางธนาคารอาจกำหนดวงเงินว่า ถ้าวงเงินไม่เกินหนึ่งแสน ไม่เกินหนึ่งล้าน ให้ดอกเบี้ยสูง แต่ถ้าวงเงินสูงกว่านั้นอาจได้รับอัตราดอกเบี้ยลดลง ในทางตรงกันข้าม บางธนาคารอาจกำหนดว่าถ้าฝากน้อยจะได้อัตราดอกเบี้ยต่ำ ดังนั้นก็ควรจะกระจายเงินใส่ไว้ในแต่ละบัญชีแต่ละธนาคารเพื่อให้ได้ดอกเบี้ยที่สูงที่สุด

อย่าลืมกด ติดตามและกด Like เพื่อให้กำลังใจพวกเราด้วยนะครับ

หากมีข้อแนะนำสามารถคิดชมได้ที่คอมเม้นนะครับ

ขอบคุณครับ

ติดตามข่าวสาร และสาระดีๆ เกี่ยวกับการวางแผนการเงินได้ที่
  / thaipfathaiprofessionalfinanceacademy  
  / thaipfa  

ติดตามเครื่องมือการวางแผนการเงิน และโปรแกรมวางแผนการเงินได้ที่
  / allaboutfin  
http://www.allaboutfin.com/

สนใจอบรมหลักสูตรทางการเงินเพื่อก้าวเข้าสู่เส้นทางนักวางแผนการเงินคุณวุฒิวิชาชีพ CFP มาตรฐานสากลโดยศูนย์อบรม ThaiPFA
ThaiPFA ศูนย์อบรมที่มีประสบการณ์ในการจัดอบรมอย่างยาวนาน
ThaiPFA ศูนย์อบรมหลักสูตรการวางแผนการเงินคุณวุฒิวิชาชีพ CFP แห่งแรกในประเทศไทย
ThaiPFA บรรยายโดยวิทยากรผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญความชำนาญอย่างแท้จริงในอุตสาหกรรมการเงินได้ที่
http://www.thaipfa.co.th/
http://www.thaipfa.com/