Скачать или смотреть ลดน้ำหนักได้อย่างง่ายดาย! วิธีการกินอาหารที่ช่วยลดน้ำหนักโดยไม่ต้องออกกำลังกายหนัก

เพียงแค่ปรับช่วงเวลารับประทานอาหารให้เหมาะสม คุณก็สามารถควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ! วิธีการกินอาหารที่เร็วขึ้นในช่วงต้นของวัน ช่วยให้ร่างกายลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ กลยุทธ์เรียบง่ายและใช้ต้นทุนต่ำ ในการควบคุมน้ำหนัก มาดูวิธีการปรับช่วงเวลากินอาหารและข้อควรระวังอย่างไรกันเลย!
สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก แต่ไม่อยากควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดหรือออกกำลังกายอย่างหนัก ก็มีวิธีการที่ง่ายต่อการปฏิบัติและมีประสิทธิภาพอย่างมาก! ก็คือการปรับช่วงเวลารับประทานอาหารให้เหมาะสม ทำให้ร่างกายสามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ
งานวิจัยใหม่ที่เผยแพร่ในวารสารวิทยาศาสตร์ Nutrients ได้เปิดเผยว่า ช่วงเวลาของการรับประทานอาหารในแต่ละวัน สามารถช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยฮิโรชิมา ญี่ปุ่น ได้แบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมงานวิจัยออกเป็นสองกลุ่มตามตารางการรับประทานอาหารที่กำหนด โดยไม่มีการออกกำลังกาย
กลุ่มที่กินเร็ว เริ่มมื้อแรกตั้งแต่เวลา 08:00–09:00 น. และสิ้นสุดการกินภายในเวลา 14:00–15:00 น. ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า กลุ่มที่กินเร็วมีน้ำหนักลดลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่า ลดลงประมาณ 1.6 กิโลกรัมภายใน 2 สัปดาห์
สิ่งที่น่าสนใจคือ ปริมาณแคลอรีรวมที่ทั้งสองกลุ่มได้รับนั้นเท่ากัน แต่กลุ่มที่กินเร็วมีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักมากกว่า กลุ่มที่กินเร็วได้เปรียบเพราะการกินที่สอดคล้องกับจังหวะการย่อยอาหารและความไวต่ออินซูลิน ทำให้ร่างกายเปลี่ยนพลังงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การรับประทานอาหารในช่วงเวลาที่เร็วขึ้นยังช่วยให้ ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่มากขึ้น ลดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหลังมื้ออาหาร และช่วยให้รู้สึกอิ่มนานกว่าการกินช้า ดังนั้น แม้จะไม่ได้เปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกายหรือปริมาณแคลอรีที่ได้รับ กลุ่มที่กินเร็วก็ยังคงประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักอย่างเห็นได้ชัด
เริ่มมื้อเช้าไม่เกิน 08:00–09:00 น. และพยายามสิ้นสุดทุกมื้ออาหารก่อน 14:00–15:00 น. อย่า "ยัด" อาหารปริมาณมาก ในกรอบเวลาสั้น ๆ ให้แบ่งเป็นมื้อย่อยหากจำเป็น และยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพอาหาร (โปรตีน, ผักใบเขียว, ใยอาหาร) ดื่มน้ำให้เพียงพอและนอนหลับให้ดี
สำหรับผู้เริ่มต้น ลองเริ่มจากกินมื้อเช้าตอน 08:00–09:00 น. แล้วจบมื้อสุดท้ายที่เวลา 17:00 น. จากนั้นจึงค่อย ๆ ร่นเวลาให้สั้นลงเป็น 14:00–15:00 น. หากร่างกายตอบสนองได้ดี
การเปลี่ยนเวลากินอาจส่งผลกระทบต่อตารางชีวิตประจำวัน การทำงาน หรือนิสัยส่วนตัว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้ เหมาะสมและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระดับน้ำตาลในเลือดหรือมีปัญหาสุขภาพเฉพาะทาง ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนนำไปปฏิบัติ
แม้ว่างานวิจัยจะไม่ได้กำหนดให้ต้องออกกำลังกาย แต่ผู้เชี่ยวชาญยังคงแนะนำให้ เคลื่อนไหวร่างกายเบา ๆ เพื่อรักษาสุขภาพหัวใจ การไหลเวียนโลหิต และสุขภาพจิตที่ดี