Скачать или смотреть สหรัฐฯ ทดสอบเรือบรรทุกเครื่องบินซูเปอร์คาร์มูลค่า 13,000 ล้านดอลลาร์… อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปจะทำให้คุณต

กองเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ คือความภาคภูมิใจของประเทศชาติและเป็นฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวของศัตรู ในวิดีโอนี้ เราจะพูดถึงเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นที่ใหญ่ที่สุดและอันตรายที่สุด ซึ่งตั้งชื่อตามประธานาธิบดีเจอรัลด์ รูดอล์ฟ ฟอร์ด แห่งสหรัฐอเมริกาคนที่ 38 เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์อเนกประสงค์รุ่นเจอรัลด์ อาร์. ฟอร์ด กำลังค่อยๆ ปลดระวางเรือชั้นนิมิตซ์ และได้พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างมาก ไม่เพียงแต่ในด้านเทคนิคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรูปลักษณ์ภายนอกด้วย ซึ่งเหนือกว่าคุณสมบัติทางกายภาพที่ทำลายสถิติของเรือรุ่นก่อนๆ อยู่แล้ว

เมื่อเปรียบเทียบเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นเจอรัลด์ อาร์. ฟอร์ดลำใหม่กับเรือรุ่นก่อนหน้าอย่างเรือนิมิตซ์คลาส ความแตกต่างอาจดูเล็กน้อยในตอนแรก กล่าวคือ ยาวกว่าเล็กน้อยในลำนี้ และหนักกว่าเล็กน้อยในลำนี้ แต่เมื่อพิจารณาในเชิงลึก การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้กลับเผยให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดในศักยภาพทางกองทัพเรือของสหรัฐฯ เรือฟอร์ดมีความยาว 1,106 ฟุต และกว้าง 256 ฟุต เมื่อเทียบกับเรือนิมิตซ์ที่มีความยาว 1,092 ฟุต และกว้าง 252 ฟุต หากพิจารณาจากภายนอกแล้ว ถือเป็นเพียงเรื่องของความยาวเพียงสิบกว่าฟุตเท่านั้น แต่ในทางวิศวกรรมทางทะเล การเพิ่มขนาดเพียงเล็กน้อยก็นำมาซึ่งข้อได้เปรียบในการปฏิบัติการอย่างมหาศาล เช่น ความจุของเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพห้องนักบินที่ดีขึ้น และพื้นที่สำหรับระบบอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ระบบอาวุธ และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับลูกเรือที่กว้างขวางขึ้น

ความแตกต่างของน้ำหนักก็บอกได้ไม่ต่างกัน เรือชั้นฟอร์ดมีระวางขับน้ำมากกว่า 100,000 ตัน เทียบกับเรือชั้นนิมิตซ์ที่มีระวางขับน้ำ 97,000 ตัน อีกครั้งหนึ่ง บนกระดาษ การเพิ่มขึ้น 3,000 ตันนี้อาจดูเล็กน้อย แต่ในทางปฏิบัติ หมายถึงการเพิ่มเกราะ การจัดเก็บเชื้อเพลิง และการผสานรวมเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมดที่ไม่เคยทำได้บนเรือบรรทุกเครื่องบินรุ่นก่อนๆ น้ำหนักนี้รองรับระบบที่ปฏิวัติวงการ เช่น ระบบปล่อยเครื่องบินแม่เหล็กไฟฟ้า (EMALS) ซึ่งมาแทนที่ระบบดีดไอน้ำที่ใช้มานานหลายทศวรรษ ช่วยให้การปล่อยเครื่องบินราบรื่นขึ้น เร็วขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น เรือฟอร์ดยังติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมการทรงตัวขั้นสูง (AAG) ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการกู้คืนเครื่องบินได้หลากหลายประเภท ตั้งแต่โดรนขนาดเล็กไปจนถึงเครื่องบินขับไล่โจมตีขนาดหนัก เพิ่มความยืดหยุ่นในการปฏิบัติการของเรือในสงครามสมัยใหม่