💥รีวิวและยิงทดสอบ ปืนลูกโม่ Smith&Wesson M15-4 ขนาด . 38 Special ความยาวลำกล้อง 4 นิ้ว

Описание к видео 💥รีวิวและยิงทดสอบ ปืนลูกโม่ Smith&Wesson M15-4 ขนาด . 38 Special ความยาวลำกล้อง 4 นิ้ว

ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ปืนพกประจำตัวทหารและตำรวจส่วนใหญ่ทั่วโลก ยังเป็นแบบลูกโม่ กองทัพบกและทัพเรือสหรัฐ สั่งซื้อปืน จากบริษัทสมิธแอนด์เวสสันจำนวนสามพันกระบอก เป็นปืนลูกโม่โครงขนาดกลางรุ่นแรกที่ใช้กระสุน .38 Special เรียกชื่อว่า Model of 1899 Hand Ejector ตัวเลขคือ ปี ค.ศ. ส่วนชื่อต่อท้าย “แฮนด์ อีเจ็คเตอร์” หมายถึงการเปิดโม่ออกข้าง ใช้มือตบก้านคัดปลอกยิงแล้วออกจากโม่ ปืนสมิธฯ ก่อนหน้านี้ใช้การทำงานแบบหักโครงลง คล้ายกับปืนลูกซองแฝด 

ในปี ค.ศ. 1902 สมิธฯ เพิ่มตัวล็อกปลายก้านคัดปลอกด้านหน้า ตั้งชื่อรุ่นปืนใหม่ว่า “มิลิแทรี แอนด์ โปลิส” (Military & Police) เรียกชื่อตามตัวย่อว่า “เอ็มพี” เพื่อจับตลาดทหารตำรวจโดยตรง จัดเป็นปืนพกยอดนิยมของยุคนั้น ผ่านสงครามโลกสองครั้งนับจำนวนผลิตได้เกือบหกแสนกระบอก สมิธฯ เรียกโครงปืนขนาดกลางนี้ว่า “K-frame”

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ปี ค.ศ. 1947 สมิธฯ นำปืนเอ็มพี มาใส่ลำกล้องหกนิ้ว ติดศูนย์ยิงเป้าปรับได้ ใช้ชื่อรุ่นว่า K-38 “ทาร์เก็ต มาสเตอร์พีส” (Target Masterpiece : ปืนยิงเป้าผลงานชิ้นเอก) ได้รับความนิยมอย่างสูง จนมีเสียงเรียกร้องจากหน่วยงานตำรวจสหรัฐหลายแห่ง ที่ต้องใช้ปืนประจำตัวลำกล้องสี่นิ้ว ยิง “ปรับวุฒิ” ประจำปี สมิธฯ จึงตอบสนองด้วยการผลิต “คอมแบ็ต มาสเตอร์พีส” (Combat Masterpiece) ลำกล้องสี่นิ้วติดศูนย์ปรับได้สู่ตลาดในปี  ค.ศ. 1949 โดยศูนย์หน้าของรุ่นยิงเป้าเป็นแบบตัดด้านหลังตรง ส่วนรุ่นคอมแบ็ตทำผิวเอียงเพื่อให้ชักจากซองได้ราบลื่นดี ด้วยความแม่นยำระดับปืนยิงเป้า แต่คล่องตัวเหมือนปืนต่อสู้ ส่งผลให้ คอมแบ็ตมาสเตอร์พีส ขึ้นแท่นเป็นปืนสุดยอดปรารถนาของตำรวจทั่วโลกติดต่อกันมาอีกหลายทศวรรษ

สมิธฯ เริ่มใช้ตัวเลขเป็นรหัส แทนการตั้งชื่อรุ่นปืนในปี ค.ศ. 1957 เริ่มที่ เอ็มพี ได้รหัสเป็น โมเดล 10 ส่วน K-38 เป็นโมเดล 14 และ คอมแบ็ต มาสเตอร์พีส เป็น โมเดล 15 ปืนกระบอกที่เป็นนายแบบตอกรหัส 15-5 หมายถึงมีการปรับแบบครั้งที่ 5 โดยในบันทึกคู่มือนักสะสมปืนสมิธฯ ไล่เรียง ปี ค.ศ. และจุดที่ปรับเปลี่ยนไว้ดังนี้ 

15-1 (1959) กลับเกลียวก้านคัดปลอกเป็นเกลียวซ้าย

15-2 (1961) เลิกใส่สกรูยึดแผ่นปิดโครงตำแหน่งหลังโกร่งไก

15-3 (1967) เปลี่ยนแบบศูนย์หลัง

15-4 (1977) ย้ายแหวนป้องกันก้านคัดปลอก (Gas ring) จากบานพันไปไว้ที่โม่

15-5 (1982) เลิกใส่สลักท้ายลำกล้อง

15-6 (1988) เปลี่ยนแบบบานพับ, สกรูหัวมน, บูชรอบรูเข็มแทงชนวน

15-7 (1994) เริ่มใช้ด้ามยาง, สปริงศูนย์หลังปลายสปริงมน, แป้นคัดปลอกใหม่ (1995-96) เลิกทำรุ่นโครงด้ามเหลี่ยม (1996) เลิกใช้กล่องกระดาษ เปลี่ยนเป็นพลาสติกแข็ง (1997) เปลี่ยนวิธีผลิตแป้นปลดโม่กับตัวไก เป็นแบบฉีดหล่อโลหะ MIM

15-8 (1997) ปรับแบบโครง ไม่มีตุ่มยันหลังโม่, หลังด้ามเรียบ และเปลี่ยนนกสับเป็นแบบเข็มฝังในโครง

ก่อนขึ้นสหัสวรรษใหม่เพียงสองเดือน คือเดือนพฤศจิกายน 1999 สมิธฯ เลิกผลิต โมเดล 15 แต่ก็ยังมีเสียงเรียกร้องจากผู้ที่ชื่นชมปืนลูกโม่คลาสสิกกระบอกนี้ ถึงปี ค.ศ. 2002 โรงงานผลิตใหม่เพียงปีเดียวจำนวนจำกัดเป็นปืนที่ระลึก ศูนย์หน้าติดตุ่มทองเหลือง มีเหรียญสลักรูป Ed McGivern มือปืนในตำนานที่ยิงปืนลูกโม่ต่อเนื่องได้เร็วที่สุด สลักรหัสรุ่น 15-9

หลังจากนั้นเกือบสิบปี สมิธฯ เปิดสายผลิตภัณฑ์ “ลูกโม่คลาสสิก” ในปี ค.ศ. 2011 มี โมเดล 15-10 ให้เลือก สิ่งที่แตกต่างอย่างสำคัญคือ ใช้ลำกล้องสองชั้น ซึ่งช่วยให้จัดระยะห่างจากท้ายลำกล้องถึงหน้าโม่ได้ในขั้นตอนการประกอบปืน ไม่ต้องใช้รีมเมอร์ปาดแต่งหลังประกอบเสร็จ แต่ในที่สุดสมิธฯ ตัดสินใจเลิกผลิตโมเดล 15 ไปในปี ค.ศ. 2013 โดยยังมีโมเดล 67 “คอมแบ็ต สเตนเลสส์” คู่แฝดที่เป็นวัสดุเหล็กปลอดสนิมในสายการผลิตให้เลือกซื้อได้

โดยรวม สมิธฯ คอมแบ็ตมาสเตอร์พีส เป็นปืนลูกโม่หกนัดมาตรฐานตำรวจ ใช้งานสะดวก ความแม่นยำสูง กระสุน .38 แรงสะบัดไม่มาก ยิงง่ายคุมง่าย กระสุนซ้อมแพร่หลายหาซื้อได้ทุกสนาม ระบบลั่นไกดีที่สุดในหมู่ปืนลูกโม่ โรงงานเลิกผลิตแล้วแต่ปืนเก่าสภาพดียังพอหาได้ ปืนใหม่มีโมเดล 67 สเปกเดียวกันแต่เป็นเหล็กสเตนเลสส์ เหมาะใช้เป็นปืนเฝ้าบ้าน และใช้แข่งยิงเป้า “ปืนสั้นชาวบ้าน” ได้ดี.

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก🙏❤
Cr.ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช

Комментарии

Информация по комментариям в разработке