นั่งกระบะ-ยังห้าม ไม่ให้เกิน 6 คน ชาวบ้านให้เลิกย้ำกระทบหนัก

Описание к видео นั่งกระบะ-ยังห้าม ไม่ให้เกิน 6 คน ชาวบ้านให้เลิกย้ำกระทบหนัก

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกครั้งถึงการบังคับใช้กฎหมายและการผ่อนปรนเป็นบางกรณีสำหรับการใช้รถใช้ถนนในช่วงเทศกาล เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุ ดังนี้ เจ้าหน้าที่จะยังคงบังคับใช้กฎหมายด้วยการจับปรับ ในกรณีของรถยนต์ส่วนบุคคลที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งเบาะหน้าไม่คาดเข็มขัดนิรภัย แต่จะอนุโลมตักเตือนผู้ที่นั่งเบาะหลังที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างถูกต้อง สำหรับรถกระบะอนุโลมให้นั่งในแค็บและในท้ายกระบะได้ไม่เกิน 6 คน แต่ห้ามนั่งบนขอบกระบะหรือฝาปิดท้ายรถ ส่วนรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่ รถตู้ รถโดยสารประจำทาง ต้องคาดเข็มขัดทุกที่นั่ง โดยเจ้าหน้าที่จะเข้มงวดกวดขันผู้ขับขี่ที่ดื่มสุรา หรือใช้ความเร็วเกินกำหนด ขับรถหวาดเสียว หรือแซงในที่คับขัน ที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย โดยจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยป้องกันอุบัติเหตุ

“ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่เรียกรับผลประโยชน์ใดๆ จากประชาชน หากพบเห็นขอให้ถ่ายคลิปและแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบทันที นายกฯ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในการปฏิบัติงานและช่วยกันหาทางออกที่เหมาะสม มุ่งเน้นที่การสร้างจิตสำนึก และความรับผิดชอบของทุกคน เพื่อลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน จากอุบัติเหตุในการใช้รถใช้ถนน ที่ติดอันดับต้นๆ ของโลก” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

ด้านนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสเฟซบุ๊กว่า คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 14/2560 ที่บังคับให้ผู้ขับขี่รถยนต์และคนโดยสารต้องรัดเข็มขัดนิรภัย ทำให้ผู้โดยสารรถปิกอัพไม่สามารถนั่งในแค็บและในกระบะท้ายได้ คำสั่งดังกล่าวทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม และประเทศไทยเป็นมหาอำนาจในการผลิตรถปิกอัพขนาด 1 ตัน เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 มีมูลค่าประมาณปีละ 7 แสนล้านบาท ยอดจำหน่ายรถปิกอัพในประเทศเฉลี่ยปีละ 500,000 คัน เป็นเงิน 4-5 แสนล้านบาทต่อปี รถปิกอัพจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศและวิถีชีวิตของคนไทยที่ใช้เพื่อการขนส่งและเป็นรถครอบครัว ใช้เพื่อการแห่หรือเฉลิมฉลองในโอกาสหรือเทศกาลสำคัญ เช่น งานบวช งานแต่ง สงกรานต์ แห่เทียนพรรษา หรือลอยกระทง และราชการใช้เป็นรถสายตรวจและขนส่งผู้ต้องหา ตามข้อมูลของกรมการขนส่งทางบกสิ้นสุดมี.ค.2560 ทั้งประเทศมีการจดทะเบียนรถปิกอัพรวม 6.3 ล้านคัน เป็นทะเบียน กทม. จำนวน 1.3 ล้านคัน

นายวัฒนากล่าวว่า หัวใจสำคัญของกฎหมายต้องอยู่บนหลักนิติธรรมและต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตหรือวิถีประชา กฎหมายจะมีความศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการยอมรับและปฏิบัติตาม แต่คำสั่งดังกล่าวออกมาโดยขัดกับหลักการสำคัญ เพราะเป็นอำนาจที่ไม่มีการตรวจสอบ ทุกอย่างเป็นการคิดของผู้ออกคำสั่ง ที่อ้างเพื่อความปลอดภัยโดยไม่มีการศึกษาถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน ผลของคำสั่งจึงเป็นต้นเหตุความเดือดร้อนของประชาชนและส่วนราชการ ส่งผลถึงยอดจำหน่าย การจ้างงานและการผลิตชิ้นส่วนรถปิกอัพแบบลูกโซ่ เศรษฐกิจของไทยที่แย่อยู่แล้วจะยิ่งแย่ลงไปอีก จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดเศรษฐกิจไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาล คสช.จึงตกต่ำทำให้คนไทยได้รับความลำบากทั่วหน้า

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นการออกกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของสังคม และไม่มีเวลาเพียงพอในการทำความเข้าใจในการเตรียมตัวก็จะบังคับใช้ไม่ได้

“ควรมีเวลาทำความเข้าใจและหาทางออกให้กับประชาชนเสียก่อน เพราะเรื่องรถกระบะเป็นสิ่งที่ประชาชนในพื้นที่ชนบทใช้เป็นจำนวนมาก มีความคุ้นเคยกันมา แม้เราจะอ้างมาตรฐานสากลว่ารถกระบะไม่ได้ออกแบบมาอย่างนื้ แต่หากมองในความเป็นจริง ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง และไม่มีการเตรียมตัวเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงนั้นก็จะส่งผลให้เกิดความเดือดร้อน ดังนั้น จึงควรจะชะลอไปก่อน แต่ไม่ได้อยากให้ไปละเลยเรื่องความปลอดภัย อย่างตอนขึ้นรถเมล์ถามว่ายืนกันหรือไม่ รถเยอะแยะรวมทั้งรถทหารก็ไม่มีเข็มขัดนิรภัยข้างหลัง ฉะนั้นต้องทำให้เกิดความเข้าใจว่าจะเป็นอย่างไร และต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป” นายอภิสิทธิ์กล่าว

Комментарии

Информация по комментариям в разработке