Скачать или смотреть การบำบัดโรคเก๊าท์ Gout Disease Therapy EP2 ข้ออักเสบ world star thailand 095-5959879

โรคเก๊าท์ (Gout Disease) คืออะไร?
เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากการสะสมของกรดยูริกซึ่งเป็นผลพลอยได้จากปฏิกิริยาการเผาผลาญในร่างกายสูงเกินไป เมื่อระดับกรดยูริกสูงจนร่างกายไม่สามารถละลายและขับออกมาได้ง่ายทางปัสสาวะ กรดยูริก
ก็จะเริ่มตกผลึก ผลึกกรดยูริกสะสมอยู่ในข้อต่อทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง หัวแม่เท้าเป็นจุดที่พบว่าเป็นโรคเก๊าท์ แต่สามารถเกิดกับข้อต่อต่างๆได้ ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ส่วนใหญ่จะมีโรคอื่นร่วม พบได้ในผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน กล้ามเนื้อหัวใจตาย ความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจล้มเหลว และโรคไตเรื้อรัง
อาการที่พบบ่อยที่สุดของโรคเก๊าท์ที่เท้า เช่น: อาการปวดอย่างรุนแรง ข้อบวม
รอยแดง ความฝืดร่วม ข้อต่อที่ร้อน ข้อต่อมีความอ่อน
โรคเก๊าท์กำเริบเป็นเวลา 1หรือ 2สัปดาห์ก่อนจะทุเลาลง ในบางกรณีอาการจะคงอยู่นานหลายปี หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา เนื่องจากสาเหตุจากสิ่งเดียวกัน การโจมตีจึงมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นซ้ำๆในข้อต่อเดียวกันหรือข้อต่ออื่นๆ
กรดยูริกส่วนเกินเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
การขับถ่ายน้อยเกินไป ไตมีหน้าที่กรองกรดยูริกออกจากเลือด ถ้าประมาณ 90% ไตไม่สามารถกรองกรดยูริกได้เพียงพอ ทำให้เกิดการสะสมผลึกกรดยูริก

การผลิตมากเกินไป เนื่องจากพันธุกรรมหรือการรับประทานอาหาร ร่างกายจึงผลิตกรดยูริกมากเกินกว่าปกติ
ซึ่งทำให้ไตมีกรดยูริกมากเกินไป

อาหาร กรดยูริกเกิดจากการสลายสารพิวรีน อาหารที่มีสารพิวรีนสูง เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื้อแดง เนื้ออวัยวะ และอาหารทะเล จะทำให้ระดับพิวรีนสูงขึ้น และทำให้การผลิตกรดยูริกเพิ่มขึ้น ประมาณ 12% ของโรคเก๊าท์

ยาบางชนิด โดยเฉพาะยารักษาความดันโลหิต ยาแอสไพริน ยาขับปัสสาวะขนาดต่ำ ยาสำหรับโรคข้ออักเสบ และ
โรคสะเก็ดเงิน อาจทำให้ระดับกรดยูริกสูงขึ้นได้ ยาป้องกันการปฏิเสธการปลูกถ่ายอวัยวะและยาที่กดระบบภูมิคุ้มกัน
ของร่างกายังทำให้ระดับกรดยูริกสูงขึ้นอีกด้วย

น้ำหนักเกิน จะผลิตกรดยูริกมากขึ้น ซึ่งไตต้องดิ้นรนเพื่อกำจัดออกไป

ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกมากมายเช่น ชายวัยกลางคนและสตรีวัยหมดประจำเดือนมีความเสี่ยงสูงกว่า เช่นเดียวกับผู้ที่มีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับภาวะนี้ การผ่าตัดหรือการบาดเจ็บมีความเกี่ยวข้องกับโรคเก๊าท์กำเริบ แม้ว่าจะไม่ทราบสาเหตุก็ตาม
ความก้าวหน้าของโรคเก๊าท์ 4 ขั้นตอน (และวิธีหยุดยั้งโรคเก๊าท์ไม่ให้แย่ลง)
ระยะที่ 1: ระดับกรดยูริกสูง
ในระยะเริ่มต้นโรคเก๊าท์ กรดยูริกจะสะสมในเลือดและเริ่มก่อตัวเป็นผลึกรอบๆข้อต่อ ซึ่งมักเกิดที่เท้า เรียกว่าภาวะกรดยูริกในเลือดสูงโดยไม่มีอาการ
กรดยูริกถูกสร้างขึ้นเมื่อร่างกายสลายสารพิวรีน ซึ่งผลิตขึ้นในร่างกายและพบได้ในอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าบทบาทของอาหารในการพัฒนาโรคเก๊าท์นั้นมีการเน้นย้ำมากเกินไป ระดับกรดยูริกที่สูงเรื้อรังเกิดขึ้นเมื่อไตไม่สามารถกำจัดกรดยูริกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น น้ำหนักเกิน โรคไต ใช้ยาขับปัสสาวะ การดื่มแอลกอฮอล์มาก โรคเบาหวาน ไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป ยีน/ประวัติครอบครัว การทานอาหารที่มีพิวรีนสูง
ในระยะแรกของโรคเก๊าท์ จะไม่มีอาการปวดข้อ ไม่มีข้อแดงหรือบวม มีเพียงกรดยูริกในเลือดสูง ช่วงนี้กรดยูริกหรือเกลือยูเรตสะสมอยู่ในข้อต่อและอาจทำให้เกิดการอักเสบในภายหลังได้
ระยะที่ 2: โรคเก๊าท์เฉียบพลัน
เมื่อถึงจุดนี้ อาการของโรคเก๊าท์อาจกำเริบในเวลากลางคืนโดยไม่คาดคิด มีอาการปวด แดง และบวมที่ข้อต่อ ส่วนใหญ่จะเกิดที่นิ้วหัวแม่เท้า เท้า ข้อเท้า หรือเข่า
ขั้นตอนนี้ผลึกยูเรตถูกปล่อยออกสู่ของเหลวในข้อต่อ ทำให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบ ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวจำนวนมากเข้ามาและปล่อยสารอักเสบที่ทำให้เกิดอาการปวด แดง และบวม
ระยะที่ 3: โรคเก๊าท์ระหว่างวิกฤต
ผู้ป่วยโรคเก๊าท์เกือบทั้งหมดจะเข้าสู่ระยะนี้ เนื่องจากเป็นลักษณะ
ของโรคเก๊าท์ ที่มีอาการกำเริบและสงบลงเป็นระยะเวลาหนึ่ง
ก่อนที่จะลุกลามครั้งต่อไป ระยะนี้ผู้ป่วยควรเริ่มการรักษาระยะยาว
การลดระดับกรดยูริกด้วยยาสามารถป้องกันโรคเก๊าท์ในอนาคต และภาวะแทรกซ้อนระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นได้
ระยะที่ 4: โรคเก๊าท์เรื้อรัง
เรียกอีกอย่างว่า "โรคเก๊าท์ที่ผิวหนัง" เนื่องจากการสะสมของกรดยูริกก่อให้เกิดก้อนที่เรียกว่า โทฟี(tophi) ซึ่งมักจะเกิดขึ้นที่จุดตาปลาของหัวแม่เท้าหรือที่ข้อศอก แต่โทฟีสามารถก่อตัวได้ทุกที่ในร่างกาย ระยะนี้เป็นช่วงที่อาจมีอาการปวดข้ออยู่ตลอดเวลา ความเสียหายของข้อต่อจะรุนแรงขึ้น
อาหารที่มีพิวรีนสูงซึ่งจะถูกย่อยเป็นยูเรต เช่น เนื้อแดงและหอย อาหารที่มี
ฟรุคโตสสูง จะเพิ่มการผลิตเกลือยูเรตของร่างกาย แอลกอฮอล์จะทำให้
การขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะลดลง ซึ่งจะทำให้ระดับกรดยูริกเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะเบียร์ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อแอลกอฮอล์ต่อกรดยูริกในปัสสาวะเท่านั้น แต่ยังมีโปรตีนที่แตกตัวเป็นพิวรีนและยูเรตด้วย
การรักษาโรคเก๊าท์
การรักษาภาวะนี้มี 2 ส่วน ได้แก่ การบรรเทาอาการ และการลดกรดยูริก
การบรรเทาอาการทันทีคือการใช้ NSAIDs เพื่อลดอาการปวดและบวมหรือสเตียรอยด์ในกรณีที่รุนแรง ผู้ป่วยบางรายไม่สามารถใช้ NSAIDs ได้เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับไต แผลในกระเพาะอาหาร หรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ
Colchicine (Colcrys, Mitigare) ซึ่งเป็นยารักษาโรคเก๊าท์โดยเฉพาะ ยังใช้เพื่อบรรเทาอาการอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมงแรกของโรคเก๊าท์
เพื่อให้การป้องกันในระยะยาว แพทย์จึงใช้ "สารยับยั้ง xanthine oxidase" เช่น allopurinol (Lopurin, Zyloprim) เพื่อลดระดับกรดยูริกในเลือด ยาป้องกันโรคเก๊าท์อื่นๆ ได้แก่ febuxostat, pegloticase และ probenecid
ปรึกษาสุขภาพฟรี
โทร. 0955959879 อ.วรรณะ ทรงคุณแท้ นักเคมีเภสัช
ติดตามทาง LINE ID sited_billionaire
ติดตามผ่าน youtube ได้ที่    / @wannasongkhuntae  
ติดตามทาง facebookได้ที่ https://www.facebook.com/profile.php?...
ติดตามทาง blogger ได้ที่ https://pernetinn.blogspot.com/