Скачать или смотреть บุรีรัมย์ รมว สาธารณสุขตรวจความพร้อมโรงพยาบาลแนวชายแดนไทย กัมพูชา

รมว.สาธารณสุข นำคณะลงตรวจพื้นที่ โรงพยาบาลบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เพื่อตรวจติดตามความพร้อม ทั้งด้านการแพทย์และสาธารณสุข รับสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างความเชื่อมั่นประชาชน เผยมีการเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี

บุรีรัมย์ไทม์ / เมื่อวันที่ 3 ต.ค.68 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนายวรโชติ สุคนธ์ขจร รวช.สาธารณสุข นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะเดินทางลงพื้นที่โรงพยาบาลบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เพื่อติดตามความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข รองรับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ตามแนวชายไทย-กัมพูชา และเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ กับ ผู้ป่วยที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลบ้านกรวด พร้อมทั้งหาแนวทางพัฒนาระบบบริการลดความแออัดของผู้ป่วย โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามามีบาทบาทในสถานพยาบาล

รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา ช่วงที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ได้จัดทำแผนรองรับการจัดการภาวะฉุกเฉินไว้แล้ว ทั้งระบบการจัดสรรทรัพยากรทางการแพทย์และสาธารณสุขร่วมกัน การบริหารจัดการศูนย์อพยพ อาทิ การดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิต การป้องกันควบคุมโรค สุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ได้จัดทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข ทีมสุขภาพจิต ทีมควบคุมโรค และทีมอนามัยสิ่งแวดล้อม หมุนเวียนดูแลประชาชนในศูนย์พักพิงอย่างต่อเนื่อง และยังเตรียมทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุขจิตอาสาพร้อมลงพื้นที่ทันทีหากได้รับการร้องขอ และสิ่งสำคัญคือบุคลากรทางการแพทย์ต้องมีความปลอดภัย

โดยโรงพยาบาลบ้านกรวด เป็นพื้นที่เคยได้รับผลกระทบ และมีการเตรียมพร้อมรับมือตามแผนที่วางไว้ ทั้งการอพยพผู้ป่วย กลุ่มสีแดง สีเหลือง สีเขียว การเตรียมศูนย์พักพิง 2 แห่ง ที่สนาม BRIC รองรับคนได้ประมาณ 80,000 ราย และที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ รองรับคนได้ประมาณ 1,500 ราย รวมทั้งเตรียมทีมปฏิบัติการภาคสนาม สำรองยา/เวชภัณฑ์/กำลังคน

ส่วนเรื่องความปลอดภัยของบุคคลากรทางการแพทย์ได้เตรียมปรับปรุงและก่อสร้าง Bunker เพิ่มเติม หรืออาจมีการสร้างอาคารที่มีความแข็งแรงป้องกันกระสุนปืนใหญ่หากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนป้องกันโรคหัด-หัดเยอรมัน จากกรมควบคุมโรค และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 เพื่อใช้ในภารกิจป้องกันควบคุมโรคด้วย

สำหรับแนวทางนโยบายการทำงาน ได้เน้นย้ำการเดินหน้าโครงการ 30 บาทรักษาได้ทุกที่ และฟอกไตฟรีได้ทุกแห่ง และต้องหาวิธีรักษาให้หาย ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน สร้างความรอบรู้แก่ประชาชนในการป้องกันโรค ตระหนักรู้สถานะสุขภาพของตนเอง ใช้เทคโนโลยี หรือ super App เชื่อมโยงระบบสุขภาพและการให้บริการแก่ประชาชนหมอไม่ล้า ประชาชนไม่รอ เชื่อมต่อทุกบริการ การพัฒนาระบบสาธารณะสุขขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การแพทย์ที่แม่นยำ การผลิตยาเพื่อการบำบัดรักษาขั้นสูง ตลอดทั้งการสร้างขวัญและกำลังใจให้บุคลากร