Скачать или смотреть รู้หรือไม่!!! โดนแดดอย่างไร ให้หน้าเด็ก ไม่มีรอยย่น | Baby face | พี่ปลา Healthy Fish

รู้หรือไม่ว่า โดนแดดอย่างไร ให้หน้าเด็ก ไม่มีรอยย่น

แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวของเราเสื่อมโดยเฉพาะผิวหน้า แต่ถ้ารู้จักวิธีโดนแดดหรือสัมผัสให้เป็น รับรองหน้าเด็กลงแน่นอน ผู้หญิงทุกคนคงไม่มีใครอยากถูกทักว่าหน้าดูแก่เกินกว่าวัยแน่นอน วันนี้พี่ปลามีวิธีที่ที่จะช่วยให้หน้าดูเด็กลง ที่หลาย ๆ คนอาจไม่เคยทราบมาก่อน นั่นก็คือเทคนิคการโดนแดดหรือสัมผัสแดด มีวิธีโดนแดดอย่างไรให้หน้าเด็ก แถมช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยและโรคเรื้อรังที่ตามมา อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าต้องทำอย่างไร ตามพี่ปลามาเลยค่ะ ทำไมถึงต้องโดนแดด
แสงแดด ประกอบไปด้วยรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี 3 ประเภท คือ
1.อัลตราไวโอเลตเอ ( UVA)
2.อัลตราไวโอเลตบี (UVB)
3.อัลตราไวโอเลตซี (UVC)
ซึ่งรังสีอัลตราไวโอเลตที่มีผลต่อความแก่ของใบหน้า คือ อัลตราไวโอเลตเอ และ อัลตราไวโอเลตบี เมื่อรังสีอัลตราไวโอเลตซึมผ่านเข้าสู่ภายในของชั้นผิวหนังและเข้าไปกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ส่งผลให้อนุมูลอิสระเข้าไปทำลายคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังดูหยาบกร้าน มีริวรอยเหี่ยวย่น และรังสี อัลตราไวโอเลตยังเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเม็ดสีผิวเมลานินที่อยู่ในชั้นผิว ทำให้มีการทำงานมากขึ้น ผิวจึงดูหมองคล้ำและดำ เมื่อโดนแสงแดดมาก ซึ่งเป็นสาเหตุของใบหน้า ที่แก่ก่อนวัยอีกด้วย

เหตุผลที่เราควรโดนแสงแดด เพราะเมื่อผิวหนังเราถูกแสงแดด จะมีการสร้างวิตามิน D ที่ผิวหนัง ดังนั้นใครหลบแดดหรือทาครีมกันแดดที่มี SPF สูง มากกว่า 50 แล้วล่ะก็ มักจะทำให้ระดับวิตามินในร่างกายไม่เพียงพอ นอกจากนี้ ถ้ามีโรคตับและไตร่วมด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ขาดวิตามิน D ได้ง่าย เพราะวิตามิน D ที่สร้างที่ผิวหนังยังทำงานในร่างกายไม่ได้ จำเป็นต้องไปเปลี่ยนที่ตับและไต เพื่อให้ทำงานได้ วิตามิน D เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีในอาหารที่เราทาน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ปลาแซลมอน ปลาซาดีน ปลาแมกเคอเรล ตับหมู ไข่แดง หรือแม้กระทั่ง เมล็ดธัญพืช ช่วยในการชะลอวัย ป้องกันกระดูกบางและเสื่อม เนื่องจากวิตามิน D ช่วยดูดซึมแคลเซียมไปสร้างกระดูก ช่วยป้องกันการเป็นโรคอ้วน ปรับสมดุลน้ำตาลในเลือด ที่เป็นตัวทำให้ร่างกายเสื่อมและดูแก่เร็ว ทำให้ผิวพรรณดี หน้าเด็ก ลดการเกิดริ้วรอย รากผมแข็งแรง

วิธีโดนแดดที่ถูกต้อง
1.ไม่ควรอาบแดดมากจนผิวแทน ซึ่งจะทำให้การสร้างวิตามิน D ที่ผิวหนังเสียไป โดยให้แสงแดดถูกบริเวณแขนและใบหน้า ซึ่งเป็นบริเวณที่โดนแสงแดดง่ายที่สุด สำหรับคนที่มีฝ้า พี่ปลาแนะนำให้แสงแดดถูกแขนก็เพียงพอ พยายามหลีกเลี่ยงใบหน้าไม่ให้โดนแดด
2.โดนแดดอ่อน ๆ ประมาณ 10-15 นาที ต่อวัน เช่น การออกกำลังกาย Outdoor ในช่วงเช้า 6.00-8.00 น. หรือแดดเย็น 16.00-18.00 น.



สามารถโดนแดดมากกว่าที่พี่ปลาแนะนำได้ไหม

บางคนมีคำถามว่า พี่ปลาแนะนำให้โดนแดดแค่ 15 นาที แต่ถ้าโดนแดดมากกว่า 15 นาทีล่ะ จะได้วิตามิน D เพิ่มขึ้นไหม หรือโดนแดดจัด ๆ จะได้วิตามินมากกว่าโดนแดดอ่อน ๆ หรือเปล่า พี่ปลาอธิบายแบบนี้ค่ะ จริง ๆ แล้วแสงแดดที่แรง ๆ ก็สร้างวิตามินได้มากเช่นกัน โดยแสงแดดแรงมากสุดที่จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย คือการโดนแสงแดดสัปดาห์ละครั้ง เช่น การไปว่ายน้ำหรือเที่ยวทะเล สีผิวหลังโดนแดด จะมีสีชมพู 1 วัน จากนั้นจะหายเป็นปกติไม่มีอาการผิวไหม้ ถ้าเล่นน้ำกลางแจ้งสัปดาห์ละครั้ง โดยผิวไม่เบิร์น แค่ชมพู ๆ หน่อย แต่ก็คงไม่มีใครกล้าโดนแดดระดับนี้บ่อย ๆ เพราะฝ้าก็จะตามมา ริ้วรอยจะเกิดเร็ว จากการเกิดอนุมูลอิสระ เลยแนะนำให้โดนแดดอ่อน ๆ ทุกวัน วันละน้อยก็ได้เหมือนกัน เพราะเราคงไปควบคุมไม่ให้ผิวไม่ไหม้ได้ แต่ละคนระยะเวลาที่รับรังสีแดดแล้วไม่ไหม้ไม่เท่ากัน ผิวแต่ละคนมีความแข็งแรงไม่เท่ากันด้วยค่ะ ถ้าไม่โดนแดดเลยจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่โดนแดดเลย อาจทำให้ร่างกายขาดวิตามิน D ได้ แต่ถ้าสงสัยว่าขาดวิตามิน D หรือเปล่า ให้สังเกตง่าย ๆ คือจะมีอาการเหงื่อออกง่าย หน้ามันมากจนทำให้เป็นสิวง่าย หรือผิวเป็นผื่นแห้งคันง่าย เกาจนเป็นแผล ป่วยบ่อย เป็น ๆ หาย เหนื่อยล้า ปวดตามตัว อาการผิวผื่น ป่วยง่ายแบบนี้ อาจเกิดจากภาวะภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่สมดุล ซึ่งวิตามิน D ก็เป็นตัวหนึ่งที่ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิให้แข็งแรง รวมทั้งภาวะซึมเศร้าที่คนส่วนใหญ่มองข้าม ดังนั้นเราควรจะตรวจระดับวิตามิน D เพื่อดูว่าขาดระดับไหนมาก-น้อย การรับประทานวิตามิน D ในรูปแบบอาหารเสริมก็จำเป็นเหมือนกันในการเพิ่มระดับวิตามิน D นะคะ สุดท้ายนี้โดนแดดเป็นแล้ว อย่าลืมทาน อาหารที่มีประโยชน์ วิตามิน D สูง ๆ เช่น ผักใบเขียว เต้าหู้อ่อน ปลาทะเลน้ำลึก และงาดำ ตามที่กล่าวมาแล้วนะคะ