ฟังจบไม่เกิดอีก ดับต้นเหตุ 10 ตัว จิตสงบ ปัญญาเห็นอริยสัจ 4 โดยหลังพ่อสมภพ โชติปัญโญ

Описание к видео ฟังจบไม่เกิดอีก ดับต้นเหตุ 10 ตัว จิตสงบ ปัญญาเห็นอริยสัจ 4 โดยหลังพ่อสมภพ โชติปัญโญ

แบ่งปัน ดับต้นเหตุทำให้จิตไม่สงบ ดับ 10 ตัวนี้ ฝึกจิต เกิดปัญญาเห็น

ฝึกเจริญสติ เจริญปัญญา มี 2 อัน
เจริญสติกับ
เจริญปัญญา

มีสติคอยระลึกรู้สภาวธรรมไป สิ่งที่เรียกว่าสภาวธรรม
1.รูปธรรม
2.นามธรรม
3.สภาวธรรมอีกชนิดหนึ่งคือนิพพาน

สิ่งที่เรียกว่าสภาวธรรม มี 4 อย่าง
1.มีจิต
2.เจตสิก
3.รูป
4.แล้วก็นิพพาน

ทำไมเริ่มจากจิตก่อน เพราะในสภาวธรรมทั้งหลาย จิตเป็นใหญ่ จิตเป็นประธานในธรรมทั้งปวง ฉะนั้นเราเรียนรู้จิตของเราให้ดี เราจะได้ทั้งสติ ได้ทั้งสมาธิ พอมีสติ มีสมาธิแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องปัญญา

แค่มีสติที่ถูกต้อง มีสมาธิที่ถูกต้องบ่อยๆ เดี๋ยวปัญญามันก็เกิด ปัญญามีสัมมาสมาธิเป็นเหตุใกล้ให้เกิด ส่วนตัวสตินั้นมีการจำสภาวะได้แม่นเป็นเหตุใกล้ให้เกิด เราหัดดูสภาวะบ่อยๆ สภาวะอันแรกคือจิตนั่นเอง จิตมันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวโดดๆ เวลาที่จิตที่เกิดขึ้นทุกครั้งจะมีเจตสิกจำนวนมากเกิดร่วมกับจิต

เจตสิก
สิ่งที่เรียกว่าเจตสิกมี 3 กลุ่ม
1.มีเวทนา ความรู้สึกสุข ความรู้สึกทุกข์
2.สัญญา ความจำได้ ความหมายรู้
3.สังขาร ความปรุงดี ความปรุงชั่ว ปรุงไม่ดีไม่ชั่ว
ทั้ง 3 ข้ออันนี้เรียกว่าเจตสิก

จิตโดยตัวของมันเองไม่ดีไม่เลว มันเป็นสภาวะที่เป็นกลางๆ มันเข้าได้กับเจตสิกทั้งที่ดี ทั้งที่เลว ฉะนั้น โดยตัวจิตเองมันผ่องใส มันประภัสสร

จิตโดยตัวของมันเองเป็นกลางๆ อิสระว่างๆ เฉยๆ รู้เฉยๆ แค่สักแต่รู้ มันจะสุขหรือมันจะทุกข์ก็เพราะเวทนาที่มาเกิดร่วมกับมัน แล้วมันจะดีหรือมันจะชั่วก็เพราะสังขาร เป็นเจตสิกอีกชนิดหนึ่ง

เจตสิกมี 3 อย่าง มีเวทนา สัญญา สังขาร ฉะนั้นมันจะดีหรือมันจะชั่ว ไม่ใช่ที่ตัวมันเอง ตัวจิตมันไม่ดีไม่ชั่ว ความโกรธมาเกิดร่วมกับจิตดวงนี้ เราก็เลยรู้สึกจิตโกรธ ที่จริงจิตไม่เคยโกรธหรอก ที่โกรธไม่ใช่จิต

อย่างเวลาเราภาวนา เราเห็นจิตมันโกรธๆ อันนี้เรายังแยกขันธ์ไม่เก่ง ถ้าเราแยกขันธ์เก่ง เราจะเห็นเลย จิตเป็นคนรู้ว่าโกรธ

ความโกรธเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ไม่ใช่จิต มันเป็นเจตสิกชนิดสังขาร สังขารขันธ์ จิตมันโลภ เรารู้สึกจิตมันโลภ

แต่ถ้าจิตเราภาวนาเก่งๆ จิตมันตั้งมั่นเป็น *ผู้รู้ผู้ดู** มันจะเห็นว่าความโลภไม่ใช่จิตหรอก เป็นสิ่งที่แทรกเข้ามาในจิต เรียกว่าเป็นเจตสิก

เวลามันฟุ้งซ่าน จิตไม่ได้ฟุ้งซ่าน จิตเป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์ เป็นกลางๆ ที่มันฟุ้งซ่านได้ เพราะมีเจตสิก คือความฟุ้งซ่านมาเกิดร่วมกับจิต จิตมันจะผันแปรไปต่างๆ นานาเพราะสิ่งที่มาเกิดร่วมกับมัน

เราหัดภาวนา เราค่อยๆ สังเกตไป จิตนั้นเป็นธรรมชาติที่ รู้อารมณ์ ธรรมชาติที่ รู้ อารมณ์นี่ล่ะที่หลวงพ่อกับครูบาอาจารย์รุ่นเก่าเรียกว่า จิต คือ ผู้รู้ ทำไมเรียกว่าจิตคือ ผู้รู้ เพราะจิต คือ ธรรมชาติที่ รู้อารมณ์

รู้เวทนาทางใจ
รู้สังขาร ความปรุงดีปรุงชั่ว
การเห็นจิตเกิดดับทางอายตนะ ถ้าเราดูจิตดูใจชำนิชำนาญขึ้น มันจะก้าวขึ้นไปสู่การเห็นจิตเกิดดับทางอายตนะ

เราจะเห็นเลย จิตที่เป็นผู้รู้มันก็อันหนึ่ง จิตที่เห็นรูปมันก็เป็นอีกดวงหนึ่ง มันดับไปพร้อมกับการดูรูป จิตที่ฟังเสียงมันก็เป็นอีกดวงหนึ่ง คนละดวงกัน เราจะเห็นว่าจิตที่ดูรูป จิตที่ฟังเสียง จิตที่ดมกลิ่น จิตที่ลิ้มรส จิตที่รู้สัมผัสทางกาย จิตที่รู้ธรรมารมณ์ทางใจ มันคนละดวงกัน จิตที่รู้ธรรมารมณ์ทางใจก็คือมีจิตสุข จิตทุกข์ จิตเฉยๆ จิตดี จิตชั่วทั้งหลาย จิตไม่ดีไม่ชั่วทั้งหลาย

ถ้าวางจิตได้ตัวเดียว ก็วางหมดเลย ขันธ์ 5 ถ้าเห็นจิตดวงเดียวนี่ล่ะว่าไม่ใช่ตัวเรา ขันธ์ 5 ทั้งหมดจะไม่ใช่ตัวเรา โลกทั้งโลกจะไม่ใช่ตัวเรา ถ้าเห็นว่าจิตเป็นไตรลักษณ์ตัวเดียว ก็จะเห็นขันธ์ 5 เป็นไตรลักษณ์ เห็นโลกเป็นไตรลักษณ์ ฉะนั้นจิตมันเลยเป็นใหญ่ เป็นหัวหน้า เป็นประธานในธรรมะทั้งปวง

ขอยกคำสอนหลวงปู่ดุลย์ เรื่องการดูจิตเป็นการปฏิบัติที่ลัดสั้นที่สุด

ดูจิต คำสอนหลวงพ่อดุลย์ ให้รู้ไป จิตสุขก็รู้ จิตทุกข์ก็รู้ จิตเฉยๆ ก็รู้ แล้วต่อไปก็เห็นจิตดีก็รู้ จิตชั่วก็รู้ จิตไม่ดีไม่ชั่วก็รู้ แล้วละเอียดประณีตขึ้นไปก็จะเห็นจิตเกิดที่ตา หู จมูก ลิ้น กายใจ เกิดแล้วก็ดับ เกิดที่ไหน ดับที่นั่น “จิตไม่มีที่ตั้ง” จิตเกิดตรงไหน จิตก็ดับตรงนั้นล่ะ จิตเกิดที่ตา ก็ดับที่ตา ไม่ต้องเอาตั้งไว้ที่ตาตลอด จิตเกิดที่หู ก็ดับที่หู ไม่ต้องเอาจิตไปตั้งไว้ที่หูตลอด จิตเกิดที่ใจ แล้วก็ดับที่ใจ ไม่ต้องเอาจิตไปจ้องอยู่ที่ใจตลอด นี่ดูไปเรื่อยๆ มันค่อยๆ เข้าใจเป็นลำดับไป

Комментарии

Информация по комментариям в разработке