Скачать или смотреть พระหล่อพุทธชินราช รุ่นสงครามเกาหลี ปี ๒๔๙๓ - กลุ่มแดน-ท่าพระจันทร์

พุทธานุภาพแห่งสยามในสมรภูมิโลก: เจาะลึกพระหล่อพุทธชินราช รุ่นสงครามเกาหลี ปี ๒๔๙๓
.
ในห้วงพุทธศักราช ๒๔๙๓ สยามประเทศได้ก้าวสู่เวทีสากลอีกครั้งด้วยการเข้าร่วมสงครามเกาหลีภายใต้ธงแห่งสหประชาชาติ การส่งกองทัพไทยไปสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคยและเต็มไปด้วยภยันตรายนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่เป็นดั่งเกราะคุ้มกันทางใจและเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณของเหล่านักรบผู้กล้า คือ “ขวัญและกำลังใจ” อันเกิดจากพลังแห่งความศรัทธา ด้วยเหตุฉะนี้ มรดกอันล้ำค่าแห่งประวัติศาสตร์และพุทธคุณจึงได้ถือกำเนิดขึ้น นั่นคือ “พระหล่อพุทธชินราช รุ่นสงครามเกาหลี” ซึ่งมิได้เป็นเพียงวัตถุมงคลธรรมดา หากแต่เป็นอนุสรณ์แห่งความเสียสละ เป็นประจักษ์พยานแห่งประวัติศาสตร์ชาติ และเป็นศูนย์รวมแห่งพุทธานุภาพอันประมาณมิได้ ที่คณาจารย์ยุคเก่าได้บรรจงสร้างสรรค์ไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองเหล่าทหารหาญแห่งสยามโดยแท้จริง
.
ปฐมเหตุแห่งการสร้างและพระบารมีผู้รังสรรค์
.
การจัดสร้างพระเครื่องที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระดับชาตินั้น ย่อมต้องมีผู้นำที่มีบารมีสูงส่งเป็นแม่งาน สำหรับพระหล่อพุทธชินราชรุ่นนี้ มีองค์ประธานฝ่ายฆราวาสผู้ทรงริเริ่มและอำนวยการสร้างคือ พระองค์เจ้าเฉลิมพล ฑิฆัมพร หรือ “ท่านชายกลาง” ซึ่งการที่เจ้านายชั้นสูงทรงเข้ามามีบทบาทสำคัญ ย่อมเป็นเครื่องยืนยันถึงเจตนาอันบริสุทธิ์และเป็นมหามงคลยิ่ง ส่วนประธานฝ่ายสงฆ์ผู้ควบคุมดูแลพิธีกรรมทั้งหมดนั้นคือ ท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์ ยติธโร) แห่งวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ผู้สืบทอดสรรพวิชาการสร้างพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ต่อจากสมเด็จพระสังฆราช (แพ) การผนึกกำลังกันระหว่างราชนิกูลผู้ทรงศักดิ์และพระเถระผู้ทรงวิทยาคุณแห่งยุคสมัย จึงทำให้พระเครื่องรุ่นนี้เปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์และความสมบูรณ์พร้อมในทุกมิติ
.
วัตถุประสงค์หลักของการจัดสร้างมีความชัดเจนอย่างยิ่ง คือเพื่อมอบเป็นขวัญกำลังใจและเครื่องคุ้มครองกายแก่ทหารไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ ๒๑ (ร.๒๑) ซึ่งเป็นหน่วยรบหลักที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจในสมรภูมิเกาหลี ทำให้พระเครื่องรุ่นนี้มีคุณค่าทางจิตวิญญาณและประวัติศาสตร์ที่ผูกพันกับวีรกรรมของบรรพบุรุษทหารไทยอย่างแยกไม่ออก
.
มหามงคลพิธีและสุดยอดชนวนมวลสาร
.
พิธีเททองหล่อพระพุทธชินราชรุ่นนี้ ได้ประกอบขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตามตำรับโบราณ ณ มณฑลพิธีวัดสุทัศน์ฯ ในวันศุกร์ที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ จำนวนการสร้างนั้นมีจำกัดเพียง ๔,๕๐๐ องค์ เท่านั้น ซึ่งนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับความต้องการในปัจจุบัน
.
หัวใจสำคัญที่ทำให้พระรุ่นนี้มีความพิเศษเหนือคำบรรยาย คือ ชนวนมวลสาร ที่ใช้ในการหล่อหลอมองค์พระ กล่าวคือ เนื้อโลหะทั้งหมดเป็น “เนื้อทองผสม” ที่มาจาก “ชนวนพระพุทธชินราช รุ่นอินโดจีน ปี ๒๔๘๕” แบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม! ชนวนพระรุ่นอินโดจีนนั้นเป็นที่ทราบกันดีในวงการว่าได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย มีสุดยอดพระเกจิอาจารย์ ๑๐๘ รูปทั่วประเทศร่วมอธิษฐานจิต การนำชนวนอันศักดิ์สิทธิ์นั้นมาเป็นมวลสารตั้งต้นอีกครั้ง จึงเปรียบเสมือนการ “พุทธคุณซ้อนพุทธคุณ” เป็นการผนวกเอาความเข้มขลังจากสองมหามงคลพิธีใหญ่เข้าไว้ในองค์พระองค์เดียว ซึ่งเป็นคุณวิเศษที่หาได้ยากยิ่ง
.
เนื่องจากการจัดสร้างมีความเร่งด่วนเพื่อให้ทันการแจกจ่าย การผสมเนื้อโลหะจึงทำให้วรรณะขององค์พระมีความหลากหลาย มิได้มีสีเดียวตายตัว วรรณะที่พบจึงมีตั้งแต่ ผิวเหลืองอมแดง, ทองเหลือง, เหลือง ไปจนถึงเหลืองอมเขียว สำหรับองค์ที่สภาพสวยเดิม ไม่ผ่านการใช้หรือสัมผัสมากนัก มักจะปรากฏ “คราบน้ำทอง” วิ่งตามซอกลึกขององค์พระ ซึ่งเป็นเสน่ห์และเครื่องยืนยันถึงความเก่าแก่ตามธรรมชาติ
.
พุทธลักษณะและเอกลักษณ์ในการพิจารณา
.
พระหล่อพุทธชินราช รุ่นสงครามเกาหลี มีเอกลักษณ์ทางพุทธศิลป์ที่ชัดเจน เป็นพิมพ์ “พระพุทธชินราชสามเหลี่ยม แบบครึ่งซีก” หมายความว่าด้านหน้าเป็นองค์พระปฏิมาเต็มองค์ แต่องค์พระจะถูกตัดเรียบที่ด้านหลัง มิได้เป็นแบบลอยองค์เต็มตัวเช่นรุ่นอินโดจีน ทำให้มีน้ำหนักเบาและเหมาะแก่การอาราธนาติดตัว ขนาดองค์พระโดยประมาณอยู่ที่ ๑.๙ x ๓.๑ เซนติเมตร
.
จุดพิจารณาที่สำคัญ ได้แก่:
.
๑. พระพักตร์ (ใบหน้า): ในองค์ที่หล่อติดเต็มฟอร์ม พระพักตร์จะมีความคมชัดลึก แสดงมิติของพระเนตร พระนาสิก (จมูก) และพระโอษฐ์อย่างงดงาม
.
๒. สังฆาฏิ (จีวร): ควรมีความคมชัด ติดเป็นเส้นสาย แต่ในบางองค์อาจหล่อติดไม่เต็ม ซึ่งถือเป็นธรรมชาติของการหล่อโบราณ
.
๓. รอยตะไบ: ด้านหลังองค์พระจะปรากฏ รอยตะไบแต่ง เพื่อเก็บความเรียบร้อย ซึ่งรอยตะไบของพระแท้จะมีความเป็นธรรมชาติ ไม่เรียบกริบหรือมีทิศทางเป็นระเบียบจนเกินไปเหมือนเครื่องจักรสมัยใหม่ บางองค์อาจพบรอยตะไบแต่งที่ด้านหน้าด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นตำหนิในพิมพ์ที่ยอมรับกัน
.
พุทธานุภาพและประสบการณ์ที่เล่าขาน
.
พระรุ่นนี้ได้เข้าพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์ฯ อีกครั้ง โดยมีพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณแห่งยุคสงครามอินโดจีนและยุคหลังกึ่งพุทธกาลมาร่วมอธิษฐานจิตอย่างคับคั่ง อาทิ หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, เจ้าคุณผล วัดหนัง, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม, หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เป็นต้น ด้วยพลังจิตของบูรพาจารย์ผนวกกับชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พุทธคุณของพระรุ่นนี้เป็นที่ประจักษ์และเลื่องลือในด้าน แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี และมหาอุด เป็นเลิศ สมดังเจตนารมณ์ของการสร้างเพื่อคุ้มครองเหล่าทหารหาญในสนามรบ มีเรื่องเล่ามากมายจากทหารผ่านศึกเกาหลีที่รอดชีวิตกลับมาได้อย่างปาฏิหาริย์โดยมีพระรุ่นนี้คุ้มครองกายอยู่เพียงองค์เดียว
.