Скачать или смотреть Multiple Wave Oscillator - MWO เซลล์สั่นสะเทือน ทฤษฎี MWO ของ Lakhovsky ที่เขย่าวงการแพทย์ยุคแรก

000112.ไขรหัสเซลล์สั่น Lakhovsky กับพลังงานมองไม่เห็นที่พลิกการแพทย์ยุคแรก อุปกรณ์ปลดปล่อยหลายย่านความถี่ MWO

"Radiations et ondes: Sources de notre vie" (รังสีและคลื่น: แหล่งกำเนิดชีวิตของเรา) โดย Georges Lakhovsky (ปารีส, 1937) นำเสนอทฤษฎีการสั่นสะเทือนของเซลล์และการประยุกต์ใช้ในการแพทย์ โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในชีววิทยาและศักยภาพในการรักษาโรคต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็ง

ภาพรวมทฤษฎีการสั่นสะเทือนของเซลล์ (Cellular Oscillation Theory)
ลาคอฟสกี (Lakhovsky) เสนอว่าเซลล์สิ่งมีชีวิตทุกชนิดประกอบด้วยนิวเคลียสและโปรโตพลาสซึม นิวเคลียสประกอบด้วยเส้นใยท่อจำนวนมากที่เรียกว่าโครโมโซม และมีเส้นใยที่เล็กกว่ามากในไซโตพลาสซึมที่เรียกว่าคอนดริโอโซม เส้นใยเหล่านี้เป็นวงจรสั่นขนาดเล็กพิเศษที่สามารถสั่นสะเทือนด้วยไฟฟ้าในช่วงความยาวคลื่นสั้นมาก เซลล์สั่นสะเทือนภายใต้การกระทำของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยรอบ เช่น คลื่นคอสมิก, คลื่นบรรยากาศ และคลื่นโลก การเปลี่ยนแปลงในสภาพภายนอกหรือภายใน เช่น การเปลี่ยนแปลงของสนามคลื่นคอสมิก หรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของเซลล์ อาจทำให้สมดุลการสั่นสะเทือนของเซลล์เสียไป ซึ่งนำไปสู่โรคและการตายของเซลล์

พัฒนาการของเครื่องมือบำบัด
ลากฮอฟสกีเริ่มการทดลองในปี 1923 ด้วย

"เครื่องกำเนิดคลื่นวิทยุเซลลูลาร์ออสซิลเลเตอร์" (Radio-Cellulo-Oscillator) ซึ่งสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่น 2-10 เมตร เขาอ้างว่าอุปกรณ์นี้สามารถรักษาต้นเจอเรเนียมที่เป็นมะเร็งได้ภายในสิบห้าวัน แม้ว่าการใช้คลื่นสั้นจะแสดงผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง แต่ก็มีอันตรายจากการสร้างความร้อนที่อาจทำลายเซลล์ได้

เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ในปี 1929 ลากฮอฟสกีจึงพัฒนา
"เครื่องกำเนิดคลื่นหลายความยาวคลื่น" (Multiple Wave Oscillator - MWO) ซึ่งสร้างสนามไฟฟ้าสถิตที่มีความถี่ครอบคลุมตั้งแต่ 3 เมตรไปจนถึงอินฟราเรด โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบจากความร้อน อุปกรณ์นี้ประกอบด้วยชุดของวงจรสั่นแบบวงกลมร่วมศูนย์กลางที่แยกออกจากกัน แต่ละวงจรจะสั่นสะเทือนด้วยความถี่ของตัวเองและฮาร์มอนิกจำนวนมาก ทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายสามารถค้นหาความถี่ที่เหมาะสมเพื่อสั่นสะเทือนร่วมกันได้

ผลลัพธ์ทางคลินิกและการสังเกต
ลาคอฟสกีได้ประยุกต์ใช้ MWO ในโรงพยาบาลหลายแห่งในปารีสตั้งแต่ปี 1931 และรายงานผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในการรักษาโรคมะเร็งหลายกรณีที่การรักษาด้วยรังสีเอกซ์และเรเดียมล้มเหลว ผู้ป่วยเหล่านี้หลายคนหายขาดและมีสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาเน้นว่า MWO ไม่ได้โจมตีจุลินทรีย์โดยตรง แต่เสริมสร้างพลังชีวิตของร่างกาย

นอกจากนี้ เขายังสังเกตว่าการใช้ MWO ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ แตกต่างจากการใช้รังสีเอกซ์และเรเดียมที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง MWO มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ เช่น อิตาลี, สเปน, เบลเยียม, เนเธอร์แลนด์, สวีเดน, อุรุกวัย, อาร์เจนตินา, กรีซ และสหรัฐอเมริกา โดยให้ผลลัพธ์ที่ "เกินความคาดหมาย"

การประยุกต์ใช้เพิ่มเติม
• วงจรสั่นแบบเปิด (Open Oscillating Circuits): ลากฮอฟสกีพบว่าการใช้วงแหวนโลหะแบบเปิดรอบพืช (และต่อมาในมนุษย์และสัตว์) ก็สามารถรักษาโรคได้เช่นกัน โดยเชื่อว่าวงจรเหล่านี้จะดักจับคลื่นคอสมิกและบรรยากาศธรรมชาติ ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้สิ่งนี้รวมถึงการรักษาโรคเรื้อน ซึ่งได้รับการยืนยันโดยผู้ว่าการนิวแคลิโดเนีย

• การคืนความอ่อนเยาว์ (Rejuvenation): ลากฮอฟสกีประสบความสำเร็จในการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับอวัยวะสืบพันธุ์ของชายสูงอายุ และปรับปรุงสภาพร่างกายโดยรวม

• การทำให้เกิดความร้อนเทียม (Artificial Fever): เขายังสำรวจการใช้คลื่นความถี่สูงเพื่อสร้างไข้เทียมในร่างกาย ซึ่งสามารถฆ่าจุลินทรีย์บางชนิดได้

ข้อควรระวังในการใช้คลื่นสั้น
ลาคอฟสกีเตือนให้แพทย์ใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งในการใช้คลื่นสั้นที่สร้างความร้อน เนื่องจากอาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตได้ เขาสันนิษฐานว่า Marconi อาจเสียชีวิตจากการใช้คลื่นสั้นมากเกินไป

บทสรุป
ลาคอฟสกีเชื่อมั่นว่าด้วยความก้าวหน้าของฟิสิกส์สมัยใหม่ เราจะสามารถกำจัดโรคภัยไข้เจ็บส่วนใหญ่ รวมถึงโรคระบาดร้ายแรงอย่างวัณโรค, ซิฟิลิส, มะเร็ง และแม้แต่โรคเรื้อนได้ เขามองว่าการรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะเป็นอนาคตของการแพทย์

#MWO #Lakhovsky #พลังงานชีวภาพ #คลื่นพลังงาน #MultiWaveOscillator #เครื่องรักษาโบราณ #ประวัติศาสตร์การแพทย์ #เซลล์สั่น #ศาสตร์ล้ำยุค #พลังงานที่มองไม่เห็น #พลังงานกับสุขภาพ #สารคดีพลังงาน #แนวคิดสุดล้ำ