Скачать или смотреть การออกแบบอัจฉริยะ(Intelligent Design)

มุสลิมบางกลุ่มชอบต้มตุ๋นผู้รับสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์หลากหลายช่องทาง โดยกล่าวอ้างว่าแนวคิด Intelligent Design (ID) ซึ่งเชื่อมโยงกับแนวคิดเรื่องอัลลอฮ์ในอัลกุรอาน เป็นแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้ แต่แท้จริงแล้ว ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นการบิดเบือนและหลอกลวงโดยสิ้นเชิง
แนวคิด Intelligent Design (ID) เป็นวิทยาศาสตร์เทียม (Pseudoscience): สถานะที่เป็นที่ยอมรับคือ ID เป็นชุดของความคิดที่ เลียนแบบ ภาษาและวาทกรรมทางวิทยาศาสตร์ แต่ขาดแก่นแท้ของวิทยาศาสตร์ เนื่องจากขาดคุณสมบัติพื้นฐานของวิทยาศาสตร์จริงๆ ต่อไปนี้คือเหตุผลหลัก:
1. ไม่สามารถทดสอบหรือหักล้างได้ (Not Testable or Falsifiable)
•หลักการพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ คือต้องมีสมมติฐานที่ "สามารถหักล้างได้" (Falsifiable) หมายความว่าต้องมีวิธีการบางอย่างที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสมมติฐานนั้น "ผิด"
•ID อ้างว่ามี "ผู้ทรงปัญญา" มาแทรกแซงกระบวนการทางธรรมชาติ แต่ไม่ระบุว่า "ผู้ทรงปัญญา" กระทำเมื่อไหร่, อย่างไร, หรือมีหลักฐานอะไรที่สามารถพิสูจน์การอ้างนี้ได้
•คำอธิบายของ ID มักจบที่ "เพราะมันซับซ้อนเกินกว่าจะเกิดขึ้นเองได้ ดังนั้นต้องมีผู้ออกแบบ" ซึ่งเป็น "God of the gaps" (การใช้พระเจ้ามาอธิบายช่องว่างของความรู้) เมื่อวิทยาศาสตร์ค้นพบกลไกธรรมชาติที่อธิบายความซับซ้อนนั้นได้ (เช่น วิวัฒนาการผ่านการคัดเลือกโดยธรรมชาติ) คำอธิบายของ ID ก็จะถูกผลักดันไปยังความซับซ้อนอื่นๆ ที่ยังไม่เข้าใจแทน โดยไม่เคยให้คำอธิบายที่ตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง
2. ไม่สามารถทำนายได้ (Not Predictive)
•ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ที่ดีไม่เพียงแต่อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังต้อง "ทำนาย" สิ่งที่ยังไม่พบได้
•ทฤษฎีวิวัฒนาการทำนายได้ว่าเราควรจะพบซากดึกดำบรรพ์ (ฟอสซิล) ลำดับใดลำดับหนึ่งในชั้นหิน, ทำนายได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมระหว่างสปีชีส์
•ID ไม่ได้ให้การทำนายใดๆ ที่สามารถนำไปทดสอบได้เกี่ยวกับการค้นพบในอนาคต มันเพียงแต่ย้อนหลังไปอธิบายสิ่งที่เห็นแล้วว่า "ถูกออกแบบมา"
3. ไม่มีการเสนอกลไกหรือแบบจำลองที่ชัดเจน (No Mechanism or Model)
•วิทยาศาสตร์พยายามอธิบาย "กระบวนการ" หรือ "กลไก" ว่าเกิดอะไรขึ้นและอย่างไร
•ID ไม่ได้เสนอกลไกใดๆ เกี่ยวกับการทำงานของ "ผู้ทรงปัญญา" มันเพียงแต่ระบุว่า "การออกแบบ" เกิดขึ้น โดยไม่อธิบายกระบวนการ ทำให้ไม่สามารถนำไปศึกษา วิจัย หรือพัฒนาต่อได้
4. ไม่มีการตีพิมพ์งานวิจัยในวารสารระดับวิชาการ (Peer-reviewed) ที่เกี่ยวข้อง
•งานวิจัยที่สนับสนุน ID โดยแท้จริงนั้นหายากมากและไม่เคยผ่านการตรวจสอบโดยนักวิทยาศาสตร์ในสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างน่าเชื่อถือ บางงานที่พยายามตีพิมพ์มักถูกปฏิเสธเนื่องจากมีข้อบกพร่องทาง methodology และ logic ข้างต้น
สรุปสถานะของ ID ในมุมมองวิทยาศาสตร์:
ในมุมมองของวิทยาศาสตร์ ID ไม่ใช่ "ทฤษฎีวิทยาศาสตร์" และไม่ใช่ "สมมติฐานวิทยาศาสตร์" แต่มันมีสถานะเป็น "แนวคิดทางปรัชญาหรือความเชื่อ (Philosophical or Religious Belief)" ที่พยายามใช้วาทศาสตร์ที่ดูเหมือนวิทยาศาสตร์มาห่อหุ้ม
-----
ความเชื่อส่วนตัวของนักวิทยาศาสตร์กับวิทยาศาสตร์
การที่นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อในแนวคิด Intelligent Design ไม่ได้ทำให้แนวคิดนั้นกลายเป็นวิทยาศาสตร์ หรือ สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ โดยมีข้อแตกต่างที่สำคัญดังนี้:
1. การแยกความเชื่อส่วนตัว (Belief) ออกจากผลงานทางวิทยาศาสตร์ (Science):
• วิทยาศาสตร์ คือกระบวนการที่เป็นระบบ (Systematic Process) ในการสร้างความรู้ที่สามารถ ทดสอบ, ตรวจสอบ, และหักล้างได้ (Testable, Verifiable, and Falsifiable)
• ความเชื่อ คือมุมมองส่วนตัว, ศรัทธา, หรือการตีความต่อโลกที่ ไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามข้อกำหนดการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์
2. ผลงานที่ถูกตรวจสอบ (Peer-Reviewed Work):
• นักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อใน ID อาจมีผลงานวิจัยที่ยอดเยี่ยมในสาขาอื่น (เช่น ฟิสิกส์, เคมี, วิศวกรรม) แต่ผลงานเหล่านั้นถือเป็น วิทยาศาสตร์ เพราะผ่านการตรวจสอบและยอมรับตามมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เข้มงวด
• อย่างไรก็ตาม แนวคิด ID เอง ไม่ได้รับการยอมรับหรือตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในฐานะทฤษฎีหรือสมมติฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง
3. หลักการธรรมชาตินิยมเชิงกระบวนการ (Methodological Naturalism):
• วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ดำเนินไปภายใต้หลักการที่ว่าไม่ว่าความเชื่อส่วนตัวของนักวิทยาศาสตร์จะเป็นอย่างไร การอธิบายทางวิทยาศาสตร์จะต้องจำกัดอยู่เพียง สาเหตุทางธรรมชาติที่ตรวจสอบได้ เท่านั้น การอ้างถึง "ผู้ออกแบบ" ที่อยู่นอกขอบเขตของธรรมชาติจึงเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานนี้ แม้จะเป็นโดยนักวิทยาศาสตร์เองก็ตาม
ดังนั้น ความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ของบุคคลหนึ่งไม่สามารถใช้รับรองแนวคิดที่อยู่นอกขอบเขตและระเบียบวิธีของวิทยาศาสตร์ได้ ตราบใดที่ ID ยังคงขาดความสามารถในการทดสอบและหักล้างเชิงประจักษ์ตามมาตรฐานสากล ก็จะยังคงสถานะเป็น วิทยาศาสตร์เทียม ต่อไป