ฝรั่งอยู่มา 6 ปี บอกเอง! 5 สาเหตุสำคัญ ทำนักท่องเที่ยวไม่กลับมาเวียดนามอีก (ต่างจากไทยมาก)

Описание к видео ฝรั่งอยู่มา 6 ปี บอกเอง! 5 สาเหตุสำคัญ ทำนักท่องเที่ยวไม่กลับมาเวียดนามอีก (ต่างจากไทยมาก)

ที่มา:    • Vietnam Vs Thailand, UK, Cambodia-Pro...  
   • Why DON'T tourists return to VIETNAM?...  

กรุงเทพฯ เมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลกมานานหลายปี หรืออย่างน้อย ก็จะอยู่ในระดับ Top 3 มาโดยตลอด โดยจุดขายหลักๆก็คือ ที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้คนที่เป็นมิตร วัฒนธรรมและงานสถาปัตกรรมที่โดดเด่น ศาสนาพุทธที่เปิดรับผู้คนที่มีความแตกต่างได้ง่าย อาหารไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก สถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งสาธารณะ อินเตอร์เน็ทความเร็วสูง ค่าครองชีพที่ไม่สูงมาก และปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย ที่ทำให้กรุงเทพฯ ยังเป็นทางเลือกของผู้คนจากทั่วโลก แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจจะคิดไม่ถึง หรืออาจจะมองข้ามไป ก็คือ ปัจจัยลบ ที่เกิดขึ้นจากประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ที่ทำให้นักท่องเที่ยว ตัดสินใจเลือกกรุงเทพ หรือเมืองอื่นๆของไทย เป็นจุดหมายปลายทาง และยังมีการกลับเข้ามาเที่ยวซ้ำ ในการเดินทางครั้งต่อๆไปอีกด้วย ปัจจัยลบที่ว่า สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน ในคลิปของเราก่อนหน้านี้ ที่คู่รักนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ได้เดินทางไปเที่ยวกัมพูชา แต่ต้องรีบเดินทางกลับประเทศไทยก่อนกำหนด ก็เพราะเจอกับประสบการณ์ในด้านลบ ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางไปถึงที่นั่น ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า การที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดี ไม่ควรจะเน้นไปที่การพัฒนาจุดขายเพียงแค่ด้านเดียว แต่จำเป็นต้องกำจัด หรือลดปัจจัยลบต่างๆให้น้อยลงไปด้วย ซึ่งจะช่วยส่งผลดีกับประเทศในระยะยาว โดยเฉพาะการเพิ่มโอกาสให้นักท่องเที่ยว กลับเข้ามาในประเทศซ้ำแล้วซ้ำอีก เรื่องในลักษณะเดียวกันนี้ ถูกสะท้อนออกมาให้เห็นโดย Youtuber ชาวอังกฤษที่ชื่อ คริส จากช่อง Expat Nam ที่อาศัย และทำงานอยู่ในเมืองโฮจิมินห์ มานานกว่า 6 ปี ซึ่ง expat คนนี้ โดยพื้นฐาน เป็นคนที่รักประเทศเวียดนามอยู่เป็นทุนเดิม และพยายามนำเสนอในสิ่งที่ดี เกี่ยวกับประเทศแห่งนี้ ฉะนั้นความคิดเห็นต่างๆที่ถูกนำเสนอออกมา จึงเรียกได้ว่า ปราศจากอคติ แต่ในความเป็นจริง มีอะไรหลายอย่าง ที่เขาคิดว่า เวียดนามจะต้องปรับปรุง หากต้องการให้ประเทศ มีการพัฒนามากขึ้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ที่ในแทบทุกคลิปที่ทำออกมา เขามักจะใช้เมืองไทย เป็นตัวเปรียบเทียบ รวมถึง 2 คลิปวิดีโอ ที่เรากำลังจะนำเอาความคิดเห็นของเขา มาให้คนไทยได้ทราบกัน ซึ่งต้องบอกว่า เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ อาจจะไม่เคยทราบ หรือคิดมาก่อน

ในคลิปแรก เขาได้เปรียบเทียบในภาพรวม ระหว่างเวียดนามกับไทย อังกฤษ กัมพูชา มาเลเซีย เริ่มจากเรื่องที่เป็นลบ อย่างมลภาวะทางเสียง ซึ่งเขาบอกว่า เป็นปัญหาของเวียดนามมาก และเขาก็ไม่เคยเจอที่ไหน ที่มีเสียงดังรบกวนมากแบบนี้มาก่อนในชีวิต ซึ่งในขณะที่เขาเล่าไป ปั่นจักรยานไป เขาชี้ได้เห็นว่า บนท้องถนน มีแต่เสียงบีบแตรอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่มีเหตุผล คุณอาจจะไม่มีปัญหา ถ้าอยู่ที่บ้าน แต่ถ้าออกมานอกบ้านแล้ว มันจะเป็นอีกโลกหนึ่ง และคุณลืมวิธีคิดแบบตะวันตกไปได้เลย ในเรื่องการบีบแตร และตะโกนใส่คนอื่น เพราะมันไม่ถึงครึ่งของที่นี่ด้วยซ้ำ แน่นอนว่ามันน่ารำคาญมาก เรื่องอื่นๆที่มีปัญหาก็คืองานก่อสร้าง สัตว์เลี้ยงต่างๆ อย่างสุนัข และไก่ ที่ส่งเสียงอยู่ตลอดเวลา เวียดนามกำลังเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ เลยทำให้มีโอกาสพบเห็นงานก่อสร้างในจุดต่างๆของเมือง อยู่มากมาย ซึ่งมันอาจจะทำให้เกิดปัญหากับการนอนของคุณ จากเสียงรบกวนต่างๆของงานก่อสร้าง เพราะคนเหล่านี้ ทำงานในเวลากลางคืนด้วย หรือไม่ก็เริ่มงานตั้งแต่ 6 โมงเช้า ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ ในเวียดนาม คนงานก่อสร้าง จะนอนอยู่ที่ไซต์ก่อสร้างเลย โดยสร้างเพิงเล็กๆ ปิดหลังคาด้วยแผ่นพลาสติก และมักจะอยู่ที่นั่น 3-4 คน เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งมันบ้ามาก

การที่มีเสียงจากการจราจรมากแบบนี้ ก็เพราะคุณอยู่ในเมืองใหญ่ เวียดนามไม่มีระบบขนส่งสาธารณะที่พอจะนึกออกได้ แม้ว่าจะมีการก่อสร้างไปแล้วบ้างก็ตาม แต่นั่นยังถือว่าไม่เพียงพอ เวียดนามยังต้องการระบบขนส่งสาธารณะอีกมาก เหมือนอย่างที่มีในประเทศไทย และเขาก็จินตนาการไม่ออกว่า เมื่อไหร่ คนเวียดนามจะเลิกใช้รถมอเตอร์ไซต์กันมากมายแบบนี้ เพราะมันกลายเป็นวัฒนธรรมของคนที่นี่ไปแล้ว ต้องรอดูในอีก 5-10 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องที่เป็นบวกอยู่บ้าง ซึ่งก็คือเรื่องของสภาพอากาศที่คาดเดาเอาได้ ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของประเทศ ซึ่งทำให้คุณเลือกได้ว่า เมืองไหนที่มีสภาพอากาศเหมาะกับคุณ ไม่เหมือนในอังกฤษ ที่ฝนอาจจะตกแค่ 5 นาที หรือลากยาวไป 48 ชั่วโมงก็มี

ค่าครองชีพที่นี่ ก็ถือว่าค่อนข้างต่ำ แม้ว่ามันจะเริ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วก็ตาม ต้องรอดูในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ว่าโลกจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่า มันกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางนั้น หรือมันอาจจะเกิดขึ้นไปแล้วตอนนี้ แต่เงินเฟ้อในเวียดนาม ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก บริษัทที่คริสทำงาน ปกติจะขึ้นเงินเดือนให้พนักงาน 5-10% ต่อปี ปีที่แล้วขึ้น 7% ปีนี้ 5% ซึ่งถือว่าดีมาก ถ้าเทียบกับที่อังกฤษ แต่เพื่อนชาวเวียดนามของเขาบอกว่า การขึ้นเงินเดือนปีละ 10-12% ถือว่าเป็นเรื่องปกติของที่นี่ แม้ว่ามันจะฟังดูเฟ้อไปหน่อย

ถ้าเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างกรุงเทพ ที่ใช้เวลาบินต่ำกว่า 1 ชั่วโมงจากที่นี่ ตอนนี้มันดูแตกต่างกันมากๆ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขาได้ไปกรุงเทพฯ หลังจากที่ไม่ได้ไป นาน 2 ปีครึ่ง เขาตะลึงในความทันสมัยของเมือง มันเงียบลงมากด้วย โดยรวมสิ่งต่างๆดูทันสมัยขึ้นมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมองหา หากคุณชอบอะไรแบบเอเชีย เดินทางไปไหนมาไหนได้ง่าย กรุงเทพฯคือทางเลือกที่ดีมากในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่า การอยู่ในเวียดนามมีอิสระมากกว่า ผู้คนไม่ค่อยสนใจว่า เขาจะทำอะไร จะทำดี ทำไม่ดี ไม่มีคนสนใจทั้งนั้น แต่ในเมืองไทย ความเป็นส่วนตัวจะน้อยลง ตำรวจมีให้เห็นในหลายจุด เขาเลยไม่มั่นใจว่า จะพักอาศัยแบบสบายๆอยู่ที่นั่น ได้ในระยะยาวหรือไม่ แต่เวียดนาม ก็เป็นรัฐตำรวจเช่นกัน พวกนอกเครื่องแบบก็เยอะ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของรัฐบาล

Комментарии

Информация по комментариям в разработке