"

Описание к видео "

[ "ปิยบุตร" ชี้ 3 อุปสรรคกระจายอำนาจ - 13 ข้อเสนอ "ยุติรัฐราชการรวมศูนย์" เชื่อหากทำสำเร็จจะระเบิดศักยภาพทางเศรษฐกิจไปทุกพื้นที่ - ดอกไม้บานสะพรั่งทั่วประเทศ ]

ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวว่า เราพูดเรื่องการกระจายอำนาจมาหลายทศวรรษ ฝันกันว่ารัฐธรรมนูญ 2540 จะเป็นหมุดหมายสำคัญ แต่สุดท้ายต้องสะดุดลงเพราะการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และถอยหลังถูกรวบรวมศูนย์อีกครั้งเพราะรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ผ่านมาจนวันนี้ การกระจายอำนาจยังไปไม่ถึงไหน ยิ่งภายใต้รัฐบาลที่ไม่มีวิสัยทัศน์แบบนี้ก็ยิ่งเป็นการยาก

นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคสำคัญ 3 ประการ คือ 1.อุปสรรคเรื่องประวัติศาสตร์ การสร้างรัฐชาติของสยามโดยการใช้อำนาจบังคับและปลูกฝังด้วยประวัติศาสตร์สกุลราชาชาตินิยมที่มีแบบเดียว กดทับประวัติศาตร์ท้องถิ่นและความหลากหลายในพื้นที่ต่างๆ 2. อุปสรรคเรื่องกฎหมาย การสถาปนาให้กระทรวง ทบวง กรม เป็นนิติบุคคลทำให้การปฏิรูประบบราชการเกิดขึ้นได้ยาก นำมาซึ่งความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ไม่สามารถออกแบบกระทรวงให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลได้ และยังรวมถึงกฎระเบียบต่างๆ ที่ไปสั่งการและซ้ำซ้อนท้องถิ่น 3.อุปสรรคการเมืองแบบอุปถัมภ์ การที่ ส.ส.ต้องทำพื้นที่ ต้องดูแลประชาชน ทำให้ต้องสังกัดมุ้ง เพื่อที่จะส่งหัวหน้ามุ้งไปเป็นรัฐมนตรีแล้วนำเงินมาสนับสนุน หากเป็นฝ่ายรัฐบาลอาจหางบประมาณมาง่ายหน่อย แต่ถ้าเป็นฝ่ายค้านหากอยากได้อาจต้องผ่อนปรนการตรวจสอบ ขณะเดียวกันท้องถิ่นที่มีงบประมาณจำกัดอย่างในตอนนี้ หากอยากทำอะไรก็ต้องเกรงใจส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพราะท้องถิ่นต้องเขียนโครงการของบประมาณ ยังรวมถึงการต้องเกรงใจองค์กรที่มาตรวจสอบด้วย

ปิยบุตร กล่าวว่า ข้อเสนอ 13 ประการในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ คือ

1. รับรองหลักการปกครองตนเอง การปกครองแผ่นดินแบบกระจายอำนาจไว้ในรัฐธรรมนูญ

2. กำหนดรูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่นให้ชัดเจน มีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติในเรื่องการตั้งใหม่หรือการควบรวม

3. ให้อำนาจหน้าที่บริการสาธารณะเป็นของท้องถิ่นทุกเรื่อง ยกเว้นที่กฎหมายกำหนดไว้ อาทิ การทหาร, การต่างประเทศ

4. กำหนดให้ราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเป็นตัวเสริม ท้องถิ่นที่ไม่มีศักยภาพสามารถร้องขอได้

5. แบ่งอำนาจท้องถิ่นในแต่ละชั้นให้ชัดเจน ให้องค์กรปกครองท้องถิ่นขนาดเล็กมีอำนาจทำบริการสาธารณะก่อน เพื่อแก้ปัญหาแย่งกันทำ

6. ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน

7. มีความเป็นอิสระทางการเงินกลางคลัง และภายใน 3 ปี จะขยับการจัดแบ่งภาษีเป็น 50 % ต่อ 50 % และมีกฎหมายให้ท้องถิ่นจัดเก็บภาษีตัวใหม่ๆ ได้

8. แผนการโอนภารกิจต่างๆ ต้องมีสภาพบังคับ หากทำไม่ได้ตามที่กำหนดให้ถือว่ามีผลทันที

9. เพิ่มความยืดหยุ่น คล่องตัว ให้กับท้องถิ่นในการจัดหารายได้ สามารถคิดค้นวิธีการรูปแบบใหม่ๆ ในการจัดทำบริการสาธารณะ

10. ยืนยันหลักความเป็นอิสระของการบริหารงานบุคคล

11. หลักการกำกับดูแล โดยส่วนกลางทำได้เพียงกำกับดูแลไม่ใช่บังคับบัญชา และทำเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ท้องถิ่นหรือภาพรวมของประเทศ

12. เพิ่มการมีส่วนร่วมของพลเมือง ให้อำนาจอยู่ในมือพลเมืองในแต่ละท้องถิ่นโดยสามารถเสนอและถอดถอนผู้บริหารได้ และ

13. ภายใน 2 ปี คณะรัฐมนตรีต้องเริ่มทำแผนยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค และภายใน 5 ปี ต้องออกเสียงประชามติว่าประเทศไทยจะมีราชการส่วนภูมิภาคต่อไปหรือไม่

เราจะนำทั้ง 13 ข้อนี้ ไปปรับเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และขอการสนับสนุนจากประชาชนเพื่อเข้าชื่อ และเสนอเข้าสู่กระบวนการของรัฐสภาต่อไป หากเราทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือ

1. ต่อไปรัฐบาลจะทำในสิ่งที่เป็นภาพรวมของประเทศ ไม่เสียเวลาไปกับการจัดทำบริการสาธารณะในท้องถิ่น

2. การกระจายอำนาจแบบ คสช.ที่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปครองเมือง ส่งคนใกล้ชิดไปกินเมืองจะหมดไป และเกิดการกระจายอำนาจแบบอนาคตใหม่ ที่ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจว่าในพื้นที่ตนจะเป็นอย่างไร

3.การคอรัปชั่นจะลดลง เพราะประชาชนนั้นอยู่ใกล้ท้องถิ่น จะช่วยกันสอดส่อง ตรวจสอบ

4. เกิดการระเบิดพลังทางเศรษฐกิจไปทั่วทุกพื้นที่

5. ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง เกิดคนรุ่นใหม่เสนอตัวเป็นนักการเมืองท้องถิ่น

6.การแก้ไขปัญหาประชาชนจะเกิดขึ้นแบบทันท่วงที

7. เราจะได้เมืองสมัยใหม่ เมืองที่มีเทคโนโลยี ที่ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ ตอบโจทย์ประชาชนในพื้นที่ได้

ปิยบุตร กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้ 1 เมษายน 2535 หรือเมื่อ 130 ปีที่แล้ว เป็นจุดเริ่มต้นของการจัดระเบียบบริหารส่วนภูมิภาค เป็นจุดเริ่มต้นเกิดกระทรวงมหาดไทย ที่ส่งคนของตัวเองไปกินเมืองต่างๆ แต่วันนี้ 1 เมษายน 2565 ขอให้เป็นจุดเริ่มต้นการทวงคืนอำนาจสู่ท้องถิ่น ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีอิสระ มีอำนาจ มีงบประมาณ มีการบริหารงานบุคคลเป็นของตัวเอง เพื่อบริหารงานท้องถิ่นให้ตรงกับความต้องการของประชาชน ทุกวันนี้ เสมือนมีก้อนหินมหึมาทับอยู่ทั่วประเทศไทย หากเรายกก้อนหินนี้ออก แล้วเอาอำนาจไปให้ท้องถิ่น หากยกออก เอาอำนาจไปให้กับท้องถิ่น ท้องถิ่นจะระเบิดอำนาจอย่างเต็มพิกัด ขนาดว่ามีก้อนหินทับอยู่หลายที่ ท้องถิ่นยังแสดงผลงานได้ดีเป็นอย่างยิ่ง แล้วถ้าหากประชาชนในทุกๆ พื้นที่ร่วมกันยกก้อนหินที่ทับศักยภาพอยู่นี้ออกไป เราจะเกิดดอกไม้บานสะพรั่งทั่วแผ่นดินไทย ดอกไม้ที่หลากหลายสีบาน แต่ก็รวมกันในชื่อประเทศไทยได้ ขอแรงพี่น้องประชาชนร่วมกันเข้าชื่อเสนอแก้รัฐธรรมนูญหมวด 14 ขอคนละชื่อเพื่อปลดล็อกท้องถิ่น

ทั้งนี้ สามารถร่วมลงชื่อที่จุดลงชื่อกับแคมเปญปลดล็อกท้องถิ่นได้ทั่วประเทศไทย หรือ สามารถลงชื่อทางออนไลน์ได้ที่: www.progressivemovement.in.th/campaign-decentralization

#ปลดล็อกท้องถิ่น #คณะก้าวหน้า #ปิยบุตร

-----

สนับสนุนการทำงานของมูลนิธิคณะก้าวหน้า ได้ทางบัญชีธนาคารกรุงศรี ชื่อบัญชีมูลนิธิคณะก้าวหน้า เลขที่บัญชี 493-1-08674-0

Комментарии

Информация по комментариям в разработке