ไทรใบสัก มีแล้วจะหลงรัก ไม้ยืนต้นอยู่ร่มได้อย่างเท่ห์ Ficus lyrata หรือ Fiddle-leaf fig

๐ ไทรใบสัก
๐ ชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific name): Ficus lyrata
ชื่อสกุล “Ficus” มาจากชื่อภาษาละติน หมายถึง “ผลแบบมะเดื่อที่กินได้”
ชื่อชนิดพันธุ์ “lyrata” แสดงสัณฐานของใบที่มีลักษณะคล้ายกับพิณโบราณของกรีก
๐ ชื่อสามัญ (Common Name): Fiddle-leaf fig
๐ ชนิด (Type): ไม้ยืนต้นใบกว้างไม่ผลัดใบ (Broadleaf evergreen trees)
๐ วงศ์ (Family): Moraceae
๐ ถิ่นกำเนิด (Native Range) : เขตร้อนของแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง
๐ ความสูงของทรงพุ่ม (Height) : 18-30 เมตร
๐ ความกว้างของทรงพุ่ม: 9-18 เมตร
๐ ระยะเวลาดอกบาน (Bloom Time): การปลูกในร่มและการปลูกในบ้านเรือนไม่ค่อยออกดอก ในธรรมชาติมีการติดเมล็ดเป็นผลกลมขึ้นตามซอกกิ่ง
๐ ความต้องการแสง (Sun): แดดเต็มวัน จนถึงแดดบางส่วนของวัน ในปัจจุบันนิยม ปลูกเลี้ยงเป็นไม้ในร่มควรวางไว้ในพื้นที่ร่มรำไรมีแสงจ้าฟุ้งกระจาย หรือเป็นพื้นที่ร่มที่มีแดดส่องถึง ทั้งนี้หากมีความคุ้นชินกับการอยู่ในร่มมาเป็นระยะเวลานานหากต้องการให้ได้รับแสงแดดต้องค่อยๆ ขยับให้โดนแสงแดดทีละน้อยโดยเริ่มจากแสงแดดอ่อน ๆ ก่อน
๐ ความต้องการน้ำ (Water): ปานกลาง มีความชื้นบริเวณโดยรอบสูง
๐ การดูแลรักษา (Maintenance): ต่ำ ตัดแต่งใบล่างที่แสดงอาการใบเหลืองเนื่องจากต้องการทิ้งใบออกบ้าง หากต้องการความเงางามของใบสามารถเช็ดใบด้วยผ้าเปียกพอหมาด นำฝุ่นออกเสียก่อน จากนั้นจึงเช็ดใบด้วยน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวอีกหนึ่งรอบ ใบจะมีความเงางามดี
๐ การใช้งานที่แนะนำ (Suggested Use): ปลูกเป็นไม้กระถางประดับตกแต่งในร่ม ควร ใช้จานรองกระถางเพื่อรองรับน้ำส่วนเกินและรักษาความชื้นภายในกระถางทั้งนี้ควรมีปลอกกระถางเพื่อทำให้กระถางเกิดความสวยงามน่ามองส่งเสริมความงามของต้น ไทรใบสัก
๐ ใบไม้ (Leaf): ใบเดี่ยวมีขนาดใหญ่ ขึ้นเรียงสลับบนกิ่ง หน้าใบเขียวเข้มเป็นมัน หลังใบเขียวอ่อนผิวด้าน มีเส้นใบชัด รูปใบคล้ายกับพิณของกรีกโบราณ (Lyre-shaped)

๐ การเพาะปลูก (Culture)
ไทรใบสัก ตามธรรมชาติขึ้นอยู่ในป่าเขตร้อนซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ของอินทรีย์วัตถุสูง การปลูกเป็นไม้กระถางจึงจำเป็นต้องปลงวัสดุปลูกให้มีความสมบูรณ์ของอินทรีย์วัตถุด้วยเช่นกัน ควรปรุงดินปลูกให้มีส่วนผสมของปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมักต่อดินในอัตราส่วน 1:1 และเพื่อให้แน่ใจว่าดินผสมปลูกนั้นมีความสามารถในการระบายน้ำดีอาจเลือกใช้กาบมะพร้าวสับชิ้นขนาดใหญ่ หรือเปลือกถั่วลิสงผสมลงไปด้วยเพื่อให้ดินปลูกมีความสามารถในการระบายน้ำดีขึ้นพร้อมทั้งช่วยเก็บรักษาความชื้นในดิน ทั้งนี้หากต้องการความร่วนทรุยและการระบายน้ำดี อาจจะผสมเพอไลท์แทนกาบมะพร้าวสับก็ได้ซึ่งจะทำให้ดินผสมปลูกมีน้ำหนักเบาและระบายน้ำดีขึ้นอย่างมาก สถานที่ตั้งวางควรวางไว้ในพื้นที่ได้รับแสงโดยตรง อาทิ บริเวณริมหน้าต่าง ที่เฉลียงหน้าบ้านที่ได้รับแดดช่วงเช้า เป็นต้น ไทรใบสักเป็นต้นไม้ที่มีการเจริญเติบโตช้าจึงเหมาะแก่การตั้งเป็นไม้ในร่มประดับตกแต่งในอาคาร อย่างไรก็ตามควรนำออกมาพึ่งลมและได้รับแสงแดดอ่อนอ่อนบ้างทุกๆ 30 หรือ 45 วัน โดยเพิ่งวางในพื้นที่รับลมอย่างน้อยห้าถึงเจ็ดวัน จึงค่อยนำกลับไปไว้ในพื้นที่เดิม สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยการตอนกิ่ง ปักชำกิ่ง ปักชำใบ (สำหรับวิธีการปักชำใบค่อนข้างจะ แตกยอดใหม่ช้ามาก)

๐ ปัญหา (Problems)
ไม่ค่อยมีปัญหาโรคและแมลงศัตรูเข้าทำลายมากนัก ควรระมัดระวังการโจมตีของเพลี้ยแป้ง เพลี้ยแป้งหอยและไรแดง