หนุ่มขี่ จยย. ถูก “กระบะซิ่ง” เบียด ไม่สำนึก ลงรถมา “รัวหมัด” พบประวัติไม่ธรรมดา !

หนุ่มกับแฟนสาวกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาแม่ ระหว่างทางถูกกระบะแต่งซิ่งเฉี่ยวชนแล้วหนี ทำกระจกรถสียหาย จึงขับตามไปขอให้รับผิดชอบ แต่กลับถูกคู่กรณีลงมาทำร้ายร่างกาย แจ้งความแล้วคดีไม่คืบ

ช็อตเด็ด นาทีเดือด !

00.00 หนุ่มขี่ จยย. “กระบะซิ่ง” เบียด ไม่สำนึก ลงรถมา “ รัวหมัด” พบประวัติไม่ธรรมดา
00.50 คลิปเหตุการณ์
02.40 ผู้เสียหายเล่าก่อนถูก “รัวหมัด” ยัน ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
05.26 อาการบาดเจ็บผู้เสียหาย “ดีน” และ “อารีน่า”
12.29 คุณเอกภพ ประสาน ผกก.สน.มีนบุรี ออกหมายเรียกคู่กรณีเรียบร้อยแล้ว
14.40 ลักษณะ “รถกระบะแต่งซิ่ง” คันก่อเหตุ
16.58 ทนายสงกาญ์ ให้ความเห็นในมุมมองกฎหมาย ผู้ก่อเหตุมีความผิดชนแล้วหนี
18.53 โฟนอิน ผกก.สน. มีนบุรี แจงความคืบหน้าคดี

วันที่ 6 ธ.ค. 66 คุณอิสรา กาซิม (ดีน) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า ตนขี่มอเตอร์ไซค์กำลังจะไปหาแม่โดยมีแฟนนั่งซ้อนท้าย ตนดูทางดีแล้วก่อนออกรถ แต่ไม่นานก็มีรถกระบะมาเฉี่ยวโดนแฟนตน และโดนกระจกรถของตนเสียหาย เมื่อชนแล้วคู่กรณีก็ไม่หยุดรถแต่ขับหนี ตนจึงขับตามไปถึงสี่แยกไฟแดง คู่กรณีลงมาจากรถแล้วมาหาเรื่องตน จากนั้นตนกับแฟนถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บตามใบหน้า และคู่กรณีได้แย่งโทรศัพท์มือถือของแฟนตนที่กำลังถ่ายคลิปไปปาทิ้งจนเสียหาย

คุณอารีน่า ผู้เสียหาย เล่าต่อว่า ตนไม่ได้เข้าไปหาเรื่องคู่กรณี เพียงแค่ต้องการให้รับผิดชอบที่ถูกเฉี่ยวชน แต่อีกฝ่ายกลับมาหาเรื่องตนกับแฟน ขณะเกิดเหตุตนได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากคู่กรณี และยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับคู่กรณีมาก่อน ด้านคุณวรรณา แปวแหวน (ม๊ะ) แม่ของผู้เสียหาย เล่าเสริมว่า ตนรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมดผ่านการโทรคุยกับลูกสาว ได้แนะนำให้ลูกสาวถ่ายคลิปไว้ขณะเกิดเหตุเพื่อเป็นหลักฐาน หลังเกิดเหตุไปแจ้งตำรวจ แต่ตำรวจบอกว่าไม่มีเอกสารหรือหลักฐานมาประกอบคดี พยายามให้ตำรวจดูคลิปหลักฐานแต่ตำรวจไม่ยอมดู จึงไม่รับแจ้งความทำเพียงแค่ลงบันทึกประจำวันไว้

คุณเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เล่าว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องทุกข์ ดูหลักฐานแล้วตนพบว่าผู้ก่อเหตุชื่อ เสี่ยตั้ม ลาดพร้าว หรือ ตั้ม ตระกูล ต. ขณะนี้ได้ประสานงานกับผู้กำกับ สน.มีนบุรี แล้ว ได้ออกหมายเรียกคู่กรณีเรียบร้อย ส่วนการทำงานของตำรวจที่ไม่รับแจ้งความคิดว่าเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดกัน เชื่อว่าจะได้ตัวผู้ก่อเหตุไม่เกิน 2-3 วัน แนะนำให้ผู้ก่อเหตุมอบตัว เพราะผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายร่างกายเป็นเด็กอายุเพียง 14 ปี

ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นในมุมกฎหมายว่า ผู้ก่อเหตุมีความผิดชนแล้วหนี ตำรวจจะมีอำนาจยึดรถไว้จนกว่าคดีจะสิ้นสุด ส่วนการแย่งโทรศัพท์มือถือมาปาทิ้ง มึวามผิดข้อหาชิงทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ นอกจากนี้ยังมีความผิดข้อหาทำร้ายร่างกาย เชื่อว่าจับได้ไม่ยาก เพราะทางตำรวจสามารถออกหมายจับในข้อหาชิงทรัพย์ได้เลย เนื่องจากมีอัตราโทษจำคุกเกิน 3 ปี

พ.ต.อ. กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีนี้ว่า หลังจากได้รับแจ้งจากสายไหมต้องรอด ขณะนี้ทางตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหาหลักฐาน และได้ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วว่าเป็นใคร เชื่อว่าจะได้ตัวผู้ก่อเหตุไม่เกิน 2 วัน จากนี้จะขอให้ผู้เสียหายเข้ามาให้ปากคำและไปตรวจร่างกายในกรณีที่ถูกทำร้ายร่างกาย ผู้ก่อเหตุมีความหลายผิดข้อหาทั้งขับรถประมาท ชนแล้วหนี ทำร้ายร่างกาย ส่วนข้อหาชิงทรัพย์จะต้องสอบปากคำอีกครั้งว่าเข้าข่ายหรือไม่ ยืนยันว่าผู้เสียหายไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย ทางตำรวจจะมีชุดสายตรวจไปให้ความคุ้มครองที่บ้าน


#ข่าวเย็นประเด็นร้อน #ถกไม่เถียง #TERODigital #Ch7HDNews

----------

ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35

Facebook:   / terodigital  
Twitter:   / tero_digital  
YouTube:    / terodigital  
TikTok:   / terodigital  
Instagram:   / terodigital