Скачать или смотреть ยาเขียว กับ อีสุกอีใส | เภสัชกรออนไลน์

ยาเขียวรักษาอีสุกอีใสได้จริงหรือไม่?
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง ยาเขียว กับการรักษาโรคอีสุกอีใสกันค่ะ หลายคนน่าจะคุ้นเคยหรือรู้จักกับยาเขียวกันมาบ้างนะคะ เนื่องจากเป็นยาแผนไทยที่มีการใช้มาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังเป็นที่สงสัยว่า ยาเขียวใช้รักษาอีสุกอีใสได้จริงหรือไม่ 
ยาเขียวเป็นตำรับยาไทย ตามองค์ความรู้ของแพทย์แผนไทย หรือหมอพื้นบ้าน ที่มีการใช้กันมานานหลายทศวรรษ และเป็นตำรับที่ยังมีการผลิตขายทั่วไปจนปัจจุบัน ประชาชนทั่วไปในสมัยก่อนมักใช้ยาเขียวในเด็กที่เป็นไข้ออกผื่น เช่น หัด อีสุกอีใส เพื่อกระทุ้งให้พิษไข้ออกมา เป็นผื่นเพิ่มขึ้น และหายได้เร็ว 

ตำรับยาเขียว มีส่วนประกอบของพืชที่ใช้ส่วนของใบเป็นองค์ประกอบหลัก เช่น ใบพิมเสน ใบผักกระโฉม ใบหมากผู้ใบหมากเมีย การที่ใช้ส่วนของใบทำให้ยามีสีค่อนข้างไปทางสีเขียว จึงทำให้เรียกกันว่า ยาเขียว และใบไม้ที่ใช้นี้ส่วนใหญ่ มีสรรพคุณ เป็นยาเย็น หรือ ทำให้ตำรับยาเขียวส่วนใหญ่มีสรรพคุณ ดับความร้อนของเลือดที่เป็นพิษ1  ซึ่งตามความหมายของการแพทย์แผนไทยนั้น หมายถึงการที่เลือดมีพิษและความร้อนสูงมากจนต้องระบายทางผิวหนัง เป็นผลให้ผิวหนังเป็นผื่น หรือ ตุ่ม เช่นที่พบในไข้ออกผื่น หัด อีสุกอีใส เป็นต้น 
 
การใช้ยาเขียว ใช้เพื่อบรรเทาอาการไข้ ร้อนในกระหายน้ำ และยาเขียวยังใช้เป็นยาแก้ไข้ออกผื่น เช่น หัด อีสุกอีใส ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส วิธีใช้มีทั้งวิธีกินและทา ในปี 2548 มีการศึกษาฤทธิ์ของยาเขียวที่มีในท้องตลาด 3 ชนิด ในการยับยั้งเชื้อไวรัส varicella zoster ที่เป็นสาเหตุของโรคอีสุก อีใส และงูสวัด ซึ่งผลปรากฏว่า ยาเขียวทั้ง 3 ชนิดไม่แสดงฤทธิ์ดังกล่าว1 ความจริงแล้วการใช้ยาเขียวในโรคไข้ออกผื่นในแผนไทย ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการยับยั้งเชื้อไวรัส แต่ต้องการกระทุ้งพิษที่เกิดขึ้นให้ออกมามากที่สุด ผู้ป่วยจะหายได้เร็วขึ้น ผื่นไม่หลบใน หมายถึงไม่เกิดผื่นภายใน ดังนั้นจึงมีหลายคนที่กินยาเขียวแล้วจะรู้สึกว่ามีผื่นขึ้นมากขึ้นจากเดิม แพทย์แผนไทยจึงแนะนำให้ใช้ทั้งวิธีกินและชโลม แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีงานวิจัยใดๆสนับสนุน อีกทั้งยังไม่มีการเก็บข้อมูลการใช้ยาเขียวในผู้ป่วยไข้ออกผื่น หรืออาการไข้ธรรมดา แม้จะเป็นที่ทราบกันดีว่าไข้ออกผื่นที่เกิดจากไวรัสสามารถหายได้เอง แต่ยาเขียวก็อาจจะช่วยบรรเทาอาการได้  และหากเรานำมาใช้อย่างผสมผสานกับการแพทย์แผนปัจจุบันโดยพิจารณาจากคนไข้ จะทำให้เกิดผลดีต่อสุขภาพ มากกว่าการหวังพึ่งการแพทย์เพียงแผนใดแผนหนึ่งเพียงอย่างเดียว 

วิธีรักษาอีสุกอีใสโดยการแพทย์แผนปัจจุบัน

การรักษาด้วยการใช้ยาเป็นการบรรเทาอาการของโรคให้รุนแรงน้อยลงหลังการติดเชื้อ เช่น 
หากมีไข้ ให้ยาพาราเซตามอล รับประทานยาในกลุ่มแก้แพ้ (Antihistamine) หรือใช้ยาทาภายนอกตามร่างกาย เช่น คาลาไมน์โลชั่น (Calamine Lotion) เพื่อลดอาการคันและกักเก็บความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง การใช้ยาในกลุ่มต้านไวรัส เช่น ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) หรือยาวาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir) ในรายที่มีอาการรุนแรงหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนเท่านั้น ผู้ป่วยควรได้รับยาภายใน 24 ชั่วโมงหลังการเกิดผื่น ซึ่งจะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด

 ข้อควรระวังในการใช้ยาเขียว

เนื่องจากตำรับมีองค์ประกอบเป็นดอกไม้ 4 ชนิด ได้แก่ พิกุล บุนนาค สารภี เกสรบัวหลวง ซึ่งมีละอองเรณูผสมอยู่ ดังนั้น จึงหลีกเลี่ยงในผู้ที่มีประวัติการแพ้ละอองเกสรดอกไม้ 
นอกจากนี้ยังไม่เคยมีรายงานความปลอดภัยในกลุ่มคนไข้เลือดออก อีกทั้งสมุนไพรส่วนหนึ่งมักมีรายงานการยับยั้งการจับตัวของเกล็ดเลือด หรือละลายลิ่มเลือด เพื่อความปลอดภัยจึงไม่ควรใช้ในผู้ที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก เนื่องจากอาจบดบังอาการได้ 

สรุปได้ว่า ยาเขียวเป็นยาที่ใช้กันมานานในการรักษาไข้ออกผื่น เช่น หัด อีสุกอีใส แต่ยังไม่มีหลักฐานทางคลินิค หรือการรวบรวมข้อมูลการใช้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากผู้ป่วยเป็นอีสุกอีใสและต้องการรักษาใช้ยาเขียวควรรักษาโดยใช้ร่วมกับยาแพทย์แผนปัจจุบันและปรึกษาแพทย์ เพื่อความปลอดภัยในการใช้ ลดความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนจากอาการของโรค



** กดติดตามจะได้ไม่พลาดคลิปใหม่ของเรา **
https://qrgo.page.link/BpxTj

** เป็นเพื่อนกันและติดตามข่าวสารช่องทางอื่นๆ **
Facebook ►   / propharmacist.drugstore  
IG ►   / propharmacist.online  
TikTok ►   / propharmacist.online  
Line ► https://lin.ee/iUlx1Vm