ความหวังคริสเตียน

ขยายเขตแดนให้กว้างไกล เรื่อง ความหวังคริสเตียน
เทศนาโดย ศจ.ดร.วีรชัย โกแวร์
วันที่เทศนา : 11 กุมภาพันธ์ 2018

ข้อพระคัมภีร์
“เราขอบคุณพระเจ้าพระบิดาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราเสมอ เมื่ออธิษฐานเผื่อท่าน เพราะเราได้ยินถึงความเชื่อของท่านในพระเยซูคริสต์ และความรักที่ท่านมีต่อประชากรทั้งปวงของพระเจ้า คือความเชื่อและความรักอันเกิดจากความหวังซึ่งสะสมไว้สำหรับท่านในสวรรค์ ซึ่งท่านได้ยินมาแล้วในถ้อยคำแห่งความจริง คือข่าวประเสริฐซึ่งมาถึงท่าน” (โคโลสี 1: 3 – 6)

คริสเตียนเมืองโคโลสีมีจุดเริ่มที่ดี และมีชีวิตคริสเตียนเป็นที่ประทับใจอย่างมาก อาจารย์เปาโลนำมายกย่องในจดหมายของท่านสามเรื่องด้วยกัน คือ ความเชื่อจริงในพระเยซูคริสต์ ความรักซึ่งกันและกันในหมู่ผู้เชื่อ และความหวังใจในพระคริสต์
คริสตจักรทุกยุคทุกสมัย ถ้าจะได้ชื่อว่าเป็นประชากรของพระเจ้า หรือเราอาจเรียกตามยุคนี้ว่า เป็นสาวกแท้ของพระเยซูคริสต์ ถ้าเราต้องการสำรวจความเป็นคริสเตียนของตัวเองว่ายังปกติอยู่หรือไม่ ก็ต้องถามตัวเองว่า ความเชื่อของเราในพระคริสต์หนักแน่นมั่นคงเท่าใด? เราปฏิบัติความรักต่อคริสเตียนด้วยกันอย่างไร? และความหวังใจในความเชื่อในอนาคตชัดเจนขนาดไหน?
แต่บทเรียนวันนี้จะพูดถึงความชัดเจนในความหวังสำหรับผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ ถ้าเราบอกว่าเราชัดเจนในความหวังอนาคตคริสเตียนของเรา เรามีอะไรเป็นหมายสำคัญ
ความหวังมีสองมิติ มิติหนึ่งเป็นนามธรรม เป็นความเชื่อมั่นในสิ่งที่หวังไว้ เป็นความเชื่อมั่นสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นท่ามกลางความเลวร้าย เป็นการคาดหวังสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ตนรอคอย แต่อีกมิติหนึ่งเป็นความหวังที่เรียกว่า เป็น Blessed hope หรือ ความหวังแห่งพระพร บางทีเราเรียกว่าความหวังแห่งสง่าราศรี เป็นความหวัง เป็นการคาดหวังในสิ่งจะเกิดขึ้นจริงเป็นรูปธรรมในอนาคต
เรารอคอยอะไร? และผู้รอคอยเขาทำอะไรขณะรอคอย?

I. ความหวังพระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมา
• พระเยซูคริสต์สัญญา:
“อย่าให้ใจของท่านทั้งหลายเป็นทุกข์ จงวางใจในพระเจ้าจงวางใจในเราด้วย ในนิเวศน์ของ
พระบิดามีห้องมากมา ยถ้าไม่มีเราคงบอกท่านแล้ว เรากำลังไปที่นั่นเพื่อเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน และเมื่อเราไปเตรียมที่สำหรับพวกท่าน เราจะกลับมารับพวกท่านไปอยู่กับเรา เพื่อเมื่อเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้ไปอยู่ที่นั่นด้วย” (ยอห์น 14: 1 – 2)


II. คริสตจักรยุคแรกคอยท่าการเสด็จกลับมา
“เพื่อนที่รัก บัดนี้เราเป็นลูกของพระเจ้า ภายหน้าเราจะเป็นอย่างไรก็ยังไม่อาจรู้ได้ แต่เรารู้ว่าเมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะเป็นเหมือนพระองค์ เพราะเราจะเห็นพระองค์อย่างที่พระองค์เป็น ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์เช่นนี้ย่อมชำระตนเองให้บริสุทธิ์เหมือนที่พระองค์บริสุทธิ์”
(1 ยอห์น 3: 2 – 3)

“เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ด้วยพระบัญชากึกก้อง ด้วยเสียงแห่งเทพบดี และเสียงแตรของพระเจ้าและผู้ที่ตายในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน จากนั้นพวกเราที่ยังมีชีวิตและเหลืออยู่จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกันกับคนเหล่านั้น เพื่อไปเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศและเราจะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดนิรันดร์” (1 เธสะโลนิการ 4: 16 – 17)

III. อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากพระเยซูคริสต์กลับมา
• บางคนจะถูกทิ้งไว้
“ในสมัยโนอาห์เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์มาก็เป็นอย่างนั้น .... พวกเขาไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นจนถูกน้ำท่วมกวาดล้างไปหมด เมื่อบุตรมนุษย์มาก็จะเป็นเช่นนั้นแหละชายสองคนอยู่ในทุ่งนา คนหนึ่งถูกรับไปอีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ หญิงสองคนโม่แป้งอยู่ คนหนึ่งถูกรับไปอีกคนหนึ่งถูกทิ้งไว้” (มัทธิว 24: 37 – 41)


• พิพากษาประทานบำเหน็จรางวัล
“เพราะว่าจำเป็นที่เราทุกคนจะต้องปรากฎตัวที่หน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื่อทุกคนจะได้รับสมกับการที่ได้ประพฤติในร่างกายนี้จะดีหรือชั่ว” (2 โครินธ์ 5: 10)


“แล้วท่านเล่าทำไมจึงตัดสินพี่น้องของตน เหตุใดจึงดูถูกพี่น้องของตน เพราะพวกเราทั้งหมดต้องยืนต่อหน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า ... ดังนั้นพวกเราแต่ละคนจะต้องทูลเรื่องราวของตนเองต่อพระเจ้า” (โรม 14: 10 – 12)


IV. ข้อพิสูจน์ว่าในใจมีความเชื่อในความหวังอย่างแท้จริง
• ชำระตนเองให้บริสุทธิ์
“ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์เช่นนี้ย่อมชำระตนเองให้บริสุทธิ์เหมือนที่พระองค์บริสุทธิ์”
(1 ยอห์น 3: 3)


• สร้างพลังความเชื่อและความรัก
“เพราะเราได้ยินถึงความเชื่อของท่านในพระเยซูคริสต์ และความรักที่ท่านมีต่อประชากรทั้งปวงของพระเจ้า คือความเชื่อและความรักอันเกิดจากความหวังซึ่งสะสมไว้สำหรับท่านในสวรรค์...” (โคโลสี 1: 4 – 5)

สรุป
ถ้าเรามองเห็นความหวังในสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมจง:
• อยู่ภายใต้การชำระตลอดเวลา
• รักษาความเชื่อในพระเยซูให้มั่นคง
• สำแดงความรักระหว่างกันตลอดเวลาเพราะเราอาจถูกทิ้งไว้ในโลก ไม่ถูกรับไปเพราะเราต้องให้การต่อพระเจ้าขณะใช้ชีวิตบนโลกนี้