พระคัมภีร์กับคริสเตียน

ขยายเขตแดนให้กว้างไกล เรื่อง พระคัมภีร์กับคริสเตียน
เทศนาโดย ศจ.ดร.วีรชัย โกแวร์
วันที่เทศนา : 25 กุมภาพันธ์ 2018

ข้อพระคัมภีร์
“ขณะที่คนชั่วและคนหลอกลวงจะเสื่อมทรามลง ทั้งล่อลวงคนอื่นและถูกคนอื่นล่อลวง แต่ส่วนท่านจงดำเนินต่อไปในสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้และได้เชื่อมั่น เพราะท่านรู้จักคนเหล่านั้นที่ท่านเรียนรู้จากเขา และรู้ว่าตั้งแต่เด็กมาแล้ว ท่านก็ได้รู้พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสามารถทำให้ท่านมีปัญญาที่จะมาถึงความรอดได้โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสั่งสอน การว่ากล่าวตักเตือน การแก้ไขข้อบกพร่อง และการฝึกฝนในความชอบธรรม เพื่อเตรียมคนของพระเจ้าให้พรักพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง”
(2 ทิโมธี 3: 13 – 17)

คำว่า คัมภีร์ ในภาษาอังกฤษ Bible ที่มีรากศัพท์ แปลว่า “หนังสือ” เมื่อเราใส่คำว่า “Holy” ที่มีรากศัพท์ หมายถึง “แตกต่าง” หรือ “ไม่เหมือน” ดังนั้น พระคัมภีร์จึงหมายถึง หนังสือที่ไม่เหมือนหนังสือทั่วไป ... เป็นหนังสือมหัศจรรย์ เป็นหนังสือแห่งชีวิตที่ไม่มีวันล้าสมัยเป็นหนังสือที่มีอิทธพล มีการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากที่สุดในโลก ขายดีที่สุดในโลก มีคนอ่านมากที่สุดในโลก คนรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตหลังจากฟังและอ่านหนังสือเล่มนี้มากที่สุดในโลก
พระคัมภีร์มีทั้งสิ้น 66 เล่ม แบ่งเป็นสองภาค คือภาคพันธสัญญาเดิม 39 เล่ม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการงานของพระเจ้าก่อนพระเยซูบังเกิด และภาคพันธสัญญาใหม่ 27 เล่ม กล่าวถึงชีวิตพระเยซูคริสต์รวมทั้งคำสอนของพระองค์ ผ่านทางพระองค์เองและสาวกของพระองค์
I. วัตถุประสงค์
• ทำให้เกิดปัญญานำไปสู่ความรอดโดยความเชื่อในพระเยซู:
“และรู้ว่าตั้งแต่เด็กมาแล้ว ท่านก็ได้รู้พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสามารถทำให้ท่านมีปัญญาที่จะมาถึงความรอดได้โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์” (2 ทิโมธี 3: 15)

• เป็นประโยชน์ในการสั่งสอน การว่ากล่าวตักเตือน แก้ไขข้อบกพร่อง ฝึกฝนในความชอบธรรม
“พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสั่งสอน การว่ากล่าวตักเตือน การแก้ไขข้อบกพร่อง และการฝึกฝนในความชอบธรรม” (2 ทิโมธี 3: 16)

• เตรียมคริสเตียนให้มีชิวิตพร้อมที่จะทำการดีในทุกด้าน นำไปสู่การถวายเกียรติแก่พระเจ้าในที่สูงสุด
“เพื่อเตรียมคนของพระเจ้าให้พรักพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง” (2 ทิโมธี 3: 17)

II. ท่าทีและการปฏิบัติต่อพระคัมภีร์
• เป็นธรรมบัญญัติ – ธรรมนูญชีวิต สาวกของพระองค์ต้องให้ความสำคัญและคุณค่าด้วยการ อ่าน ท่อง ศึกษา ใคร่ครวญ และยึดเป็นหลักในการดำเนินชีวิต
“อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างจากปากของเจ้า จงใคร่ครวญทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเจ้าจะปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เขียนไว้อย่างเคร่งครัด แล้วเจ้าจะประสบความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรือง” (โยชูวา 1: 8)

“... “ถ้าท่านยึดมั่นในคำสอนของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราจริงๆ” (ยอห์น 8: 31)

III. พระพรจากพระคัมภีร์
• ชำระชีวิตให้สะอาดอยู่เสมอ
“คนหนุ่มสาวจะรักษาทางของตนให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร? ก็โดยการดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระองค์” (สดุดี 119: 9)

“เพื่อทรงทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์โดยการชำระด้วยน้ำผ่านทางพระวจนะ” (เอเฟซัส 5: 26)

• เป็นอาหารธำรงชีวิต
“มนุษย์ไม่อาจดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ดำรงชีวิตด้วยทุกถ้อยคำจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า” (มัทธิว 4: 4)

“หากท่านชี้แจงสิ่งเหล่านี้แก่พวกพี่น้อง ท่านก็จะเป็นผู้รับใช้ที่ดีของพระเยซูคริสต์ซึ่งเติบโตขึ้นในความจริงแห่งความเชื่อและหลักคำสอนอันดีที่ท่านยึดถือปฏิบัติตาม” (1 ทิโมธี 4: 6)

• สร้างและเพิ่มพูนความเชื่อ
“ฉะนั้นความเชื่อจึงเกิดขึ้นจากการได้ยินเรื่องราวนั้น และเรื่องราวที่ได้ยินนั้นคือพระวจนะของพระคริสต์” (โรม 10: 17)
“So faith comes from hearing, and hearing through the word of Christ.” (Romans 10: 17)

“ที่เมืองลิสตรามีชายขาพิการคนหนึ่งนั่งอยู่ เขาเป็นง่อยมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยเดินเลย คนนั้นนั่งฟังเปาโลพูด เปาโลมองตรงไปที่เขาเห็นว่าเขามีความเชื่อที่จะได้รับการรักษาให้หายได้ จึงร้องว่า “จงลุกขึ้นยืน!” คนนั้นก็กระโดดขึ้นยืนและเริ่มเดินไป” (กิจการ 14: 8 – 10)


• เป็นอาวุธต่อสู้ซาตานและการล่อลวง
“จงสวมหมวกเกราะแห่งความรอด และถือดาบแห่งพระวิญญาณคือพระวจนะของพระเจ้า” (เอเฟซัส 6: 17)


• เป็นความสว่างส่องทางเดินในโลก
“การเปิดเผยพระวจนะของพระองค์ให้ความสว่าง ทำให้คนรู้น้อยมีความเข้าใจ” (สดุดี 119: 130)


“ดังนั้นพวกเราจึงมั่นใจในถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะมากยิ่งขึ้น จะเป็นการดีถ้าพวกท่านเอาใจใส่ถ้อยคำเหล่านี้ซึ่งเป็นเหมือนแสงสว่างส่องในที่มืดจนกว่าจะถึงรุ่งเช้าและดาวแห่งรุ่งอรุณจะปรากฏขึ้นในใจท่าน” (2 เปโตร 1: 19)

สรุป
ผู้ที่ห่างไกลพระคัมภีร์เหมือนโลกที่กำลังโคจรออกนอกวงโคจรของดวงอาทิตย์ ในที่สุดตกอยู่ในความมืดและเย็นตายในที่สุด