สูตรวาฟเฟิลเบลเยี่ยม กรอบนอกนุ่มใน ไม่ติดคอ ทำกินได้ทำขายก็ปัง Belgian Waffle (Thai style)

สูตรวาฟเฟิลเบลเยี่ยม กรอบนอกนุ่มใน ไม่ติดคอ ทำกินได้ทำขายก็ปัง Belgian Waffle (Thai style)

วาฟเฟิลเบลเยี่ยมสไตล์ไทยที่เราทุกคนรู้จักกันดี จะมีความกรอบนอกนุ่มใน ของไทยเราจะมาประยุกต์ สอดไส้ได้หลอกหลาย ส่วนของเบลเยี่ยมจริงๆเขาจะใส่น้ำตาล Pearl sugar ที่เป็นเม็ดสีขาวๆใหญ่ๆหน่อย แต่ที่ไทยเราน้ำตาลแบบนั้นหายากและราคาแพง เลยประยุกต์มาคลุกกับน้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลคาราเมลแทน ซึ่งอร่อยมากเหมือนกันค่ะ

🔴คลิปนี้ใช้เครื่องผสมอาหาร Kenwood Chef XL ใช้ความเร็วเบอร์ 4.5 ในการตีแป้ง รวม 10-12 นาทีค่ะ แต่ความเร็วแล้วแต่เครื่องนะคะ


ส่วนผสม

1. ไข่ไก่เบอร์ 0 / large eggs = 2 ฟอง
2. น้ำตาล / Sugar = 35 g
3. นมสดจืดอุ่นๆ /Milk ,Lukewarm = 100ml
4. นมข้นจืดอุ่นๆ / Evaporated Milk ,Lukewarm = 90 ml
(สามารถใช้นมสดทั้งหมด 190 ml แต่ถ้าใช้ผสมกันจะหอมมันอร่อยกว่า All milk can be used )
5. กลิ่นวานิลลา /Vanilla Extract = 1 ช้อนชา
( ใช้กลิ่นเนย หรือเนยนมก็ได้ตามชอบ)


6.แป้งขนมปัง / Bread flour = 300g
7. แป้งเค้ก / Cake flour = 180g
8. หัวนมผง / Milk powder = 10 g
9. เกลือ / Salt = 1/2 ช้อนชา Teaspoon
10. ยีสต์ / instant yeast = 7 g (3 ช้อนชา)

12. เนยสดจืด / Unsalted Butter = 190g
(เนยนิ่มๆที่ยังเย็นอยู่ ไม่ม่ถึงกับละลายนะคะ)

TOPING
น้ำตาลทรายแดงคาราเมล / Brown Caramel sugar

🔴ส่วนจะใส่ไส้อะไรได้ตามสะดวกนะคะ เช่น ช็อกโกแล็ต , ลูกเกิด , อัลมอนด์ , ข้าวโพด ผลไม้รวม หรืออื่นๆตามชอบจ้า


ขอบคุณสูตรต้นฉบับ พิมพ์ดัดแปลงสูตรมาจากที่นี่นะคะ
How to Make Belgian Liege Waffles - Handle the Heat
How to Make Belgian Liege Waffles - the BEST waffles ever! Includes a step-by-step video and tons of recipe tips so your waffles turn out…
HANDLETHEHEAT.COM


🧤🧤คำแนะนำ
1.ในส่วนของนมต้องทำให้อุ่น ถ้าใช้เย็น วาฟเฟิลจะไม่นุ่ม พิมพ์ใช้วิธีนำนมเข้าไมโครเวฟ 30 วินาที

2.ไข่ไก่ก็ต้องอุณหภูมิห้อง เพราะเย็นจะทำให้แฟ้งไม่นุ่ม

3. เนยสด ถ้าอยากให้ขนมหอม อร่อย ต้องเลือกเนยสดแท้ดีๆ ไม่ควรใช้มาการีนลดต้นทุนเพราะจะทำให้รสสัมผัสขนมเปลี่ยนไป จะรู้สึกว่าขนมติดคอ ติดเพดานปากเวลาเคี้ยว
4. การพักแป้ง พักครั้งแรกในที่อุ่นๆให้แป้งขึ้น 2 เท่า แล้วเอามาแบ่งเป็นลูกๆ ใส่ถาดปิดแรปให้สนิท หมักในตู้เย็นอีกอย่างน้อย 6 ชั่วโมง จะช่วยให้แป้งนุ่มขึ้น รสสัมผัสดีขึ้น เพราะแป้งได้ทำปฏิกิริยาเต็มที่ คล้ายๆแป้งโรตีค่ะ
5. แต่ถ้าใครไม่หมักก็ได้นะคะ จะทำเลยหลักจากพักแป้งรอบแรกก็ได้ ทำได้เหมือนกัน แต่ขนมจะไม่อร่อย เนื้อสัมผัสไม่ดีเท่าหมักไว้ค่ะ
6.แป้งที่ใช้ไม่หมด สามารถฟรีซได้ถึง 1 เดือน พอจะทำ ก็เอาออกจากตู้เย็นมาคลายความเย็น รอแป้งนุ่มก็ทำขั้นตอนต่อไปปกติ

7. ตัวแป้งวาฟเฟิลใส่น้ำตาลน้อย จะไม่ค่อยมีรสหวาน รสหวานจะได้จากน้ำตาลที่เรามาคลุก กับไส้ที่ใส่ค่ะ
8. เครื่องมือถือตีไม่ได้นะคะ เครื่องจะพังได้ ส่วนนวดมือทำได้แต่ลำบากหน่อย เพราะตอนใส่เนยแป้งจะแฉะมาก
9. เครื่องทำวัฟเฟิลที่พิมพ์ใช้ยี่ห้อ Homemade พิมพ์ใช้เบอร์ 3 ทำ 4 นาทีค่ะ