หลวงพ่อสมภพ โชติปัญโญ เรื่องคนมีธรรม ผู้มีบุญบารมี ชาตินี้ ไม่เสียงชาติเกิด เสียงธรรม

Описание к видео หลวงพ่อสมภพ โชติปัญโญ เรื่องคนมีธรรม ผู้มีบุญบารมี ชาตินี้ ไม่เสียงชาติเกิด เสียงธรรม

อวิชชา หมายถึง ความไม่รู้แจ้ง คือ ความไม่รู้ความเป็นจริงของสิ่งต่างๆ โดยถูกต้องแจ่มแจ้ง มิได้หมายถึงความไม่รู้ศิลปะวิชาการต่างๆ หรือไม่รู้ร้อนรู้หนาวเป็นต้น แต่สำหรับคนไทยส่วนใหญ่จะนำคำว่า อวิชชา ไปใช้เฉพาะกับวิชาในทางไสยศาสตร์เท่านั้น โดยเข้าใจกันว่า อวิชชาเป็นวิชาที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน หรือหาประโยชน์เข้ามาใส่ตนเองโดยไม่สนใจผู้อื่น

อวิชชา หมายถึงความไม่รู้ในอริยสัจ คือ

1.ไม่รู้ในทุกข์ ได้แก่ไม่รู้ว่าอะไรบ้างที่เป็นตัวทุกข์ เช่นไม่รู้ความเกิด ความแก่ ความตาย ความผิดหวัง เป็นตัวทุกข์

2.ไม่รู้ในเหตุเกิดทุกข์ ได้แก่ไม่รู้ว่าทุกข์นั้นเกิดมาจากตัณหาในจิตของตนเอง มิใช่เกิดจากผีสาง เทวดา มิใช่เกิดจากการบันดาล

3.ไม่รู้ในความดับทุกข์ ได้แก่ความไม่รู้ว่าทุกข์นั้นเมื่อเกิดแล้วสามารถดับได้ โดยการกำจัดตัณหาให้หมดไป

4.ไม่รู้ในข้อปฏิบัติสำหรับดับทุกข์ ได้แก่ไม่รู้ว่าทุกข์นั้นจะดับสนิทได้ด้วยมรรค 8 มีสัมมาทิฐิเป็นต้น มิใช่ดับได้ด้วยการวิงวอนขอร้องให้คนอื่นช่วย

ความไม่รู้สึกตัวทั่วพร้อมโดยไม่สมบูรณ์ในความเป็นจริงของสิ่งต่างๆในขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับมัน กล่าวคือไม่รู้กายในกาย ไม่รู้เวทนาในเวทนา ไม่รู้จิตในจิต และไม่รู้ธรรมในธรรม ก็คือไม่มีสติปัฏฐาน 4 ที่บริบูรณ์นั้นเองคือ อวิชชา

อวิชชา (ความไม่รู้) โมหะ (ความเขลา ความหลง) และความไม่รู้ ทั้ง ๓ คำ กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงที่เป็นอกุศลธรรม เป็นรากเหง้าของสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย เป็นสภาพธรรมที่ทำให้หมู่สัตว์ท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏฏ์อย่างไม่มีวันจบสิ้น และเป็นอกุศลเจตสิกที่เกิดร่วมกับอกุศลจิตทุกชนิด เป็นความไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง

แสดงถึงความเป็นไปของธรรมอย่างแท้จริง ถ้าหากไม่มีอวิชชา แล้วก็หมายถึงว่าดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ถึงความเป็นพระอรหันต์ ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสหมดสิ้น ไม่มีอวิชชา เมื่อไม่มีอวิชชาจึง ไม่มีกุศล กับ อกุศล เกิดขึ้นอีกเลย นี้คือ แสดงถึงความต่างที่เห็นอย่างชัดเจน ระหว่างผู้ที่ยังมีอวิชชาอยู่ กับผู้ที่ดับอวิชชาได้อย่างหมดสิ้นแล้ว เพราะฉะนั้นตราบใดที่ยังมีอวิชชาจึงยังเป็นปัจจัยให้มีการทำกุศลกรรม และอกุศลกรรมได้ และเมื่อมีการทำกุศลกรรม และอกุศลกรรม ที่เป็นเหตุแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลในภายหน้าได้

ประโยชน์จริงๆ คือ ได้รู้ตัวเองว่า ยังเป็นผู้มีอวิชชาอยู่ หนทางที่จะเป็นไปเพื่อขัดเกลาความไม่รู้และกิเลสทั้งหลาย นั้น ก็คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา ซึ่งจะขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ไม่ได้เลยทีเดียว พระธรรมที่ได้ฟัง ได้ศึกษา ล้วนเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด


ที่มาคำแปลความหมาย อวิชชา / วิกีพีเดีย /มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

Комментарии

Информация по комментариям в разработке