ฎีกา InTrend Ep.99 ขับรถย้อนศรและเมาสุราจะถูกยึดรถได้หรือไม่

Описание к видео ฎีกา InTrend Ep.99 ขับรถย้อนศรและเมาสุราจะถูกยึดรถได้หรือไม่

ฎีกา InTrend Ep.99 ขับรถย้อนศรและเมาสุราจะถูกยึดรถได้หรือไม่
The Host : กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรม
Guest Host : สรวิศ ลิมปรังษี
ที่ปรึกษา : วิญญู พิชัย,สรวิศ ลิมปรังษี, ณัฐสิมา อนันทนุพงศ์
Show Creator : ศณิฏา จารุภุมมิก
Episode Producer & Editor : ศณิฏา จารุภุมมิก, ผุสชา เรืองกูล
Sound Designer & Engineer : กฤตภาส ทองแจ้ง, กิติชัย โล่สุวรรณ
Coordinator & Admin : โสรัตน์ ไวศยดำรง, สุพัตรา ขำมีศักดิ์, สุภาวัชร์ ดลมินทร์
Art Director : สุภาวัชร์ ดลมินทร์, กนกกูล วสยางกูร
Webmaster : ผุสชา เรืองกูล, วชิระ โรจน์สุธีวัฒน์

การขับรถฝ่าฝืนกฎหมายจราจรเป็นปัญหาที่สำคัญและก่อให้เกิดอุบัติเหตุอยู่เสมอจนทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมากในแต่ละปี กฎหมายจึงพยายามหามาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมมิให้การกระทำความผิดมีมากขึ้น และไม่ทำให้บุคคลอื่นได้รับความเดือดร้อนโดยไม่สมควร มาตรการอย่างหนึ่งที่มีการนำมาใช้คือการยึดรถที่ขับขี่ขณะเกิดเหตุ แต่บางครั้งก็มีข้อที่ต้องพิจารณาด้วยเช่นกันว่าพฤติการณ์กระทำผิดขนาดใดที่จะเป็นเหตุให้สามารถยึดรถที่ใช้ได้ ปัญหาที่จะนำมากล่าวถึงในตอนนี้จะเป็นกรณีที่ขับขี่รถยนต์ขณะเมาสุราและขับย้อนศรสวนทิศทางเดินรถจะเป็นเหตุให้ยึดรถยนต์ของกลางได้หรือไม่
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ นาย ก. ไปร่วมฉลองงานปีใหม่ที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง ในระหว่างงานเลี้ยง นาย ก. ดื่มสุราไปพอสมควรจนมีอาการมึนเมาพอสมควร เพื่อนที่ไปร่วมงานก็ทักว่านาย ก. ขับรถได้หรือไม่ หากไม่ไหวก็ไม่ควรขับรถไป นาย ก. บอกว่าตนไม่ได้เมาและขับรถได้
ในขณะที่นาย ก. ขับออกมาจากซอยบ้านเพื่อนที่ไปงานเลี้ยงปีใหม่จนถึงบริเวณถนนใหญ่ นาย ก. เห็นว่าจุดกลับรถอยู่ไกลและด้วยความมึนเมาจึงได้ตัดสินใจขับรถย้อนศรไปอีกทางเพื่อจะหาจุดที่จะขับตัดไปอีกฝั่งได้สั้นกว่า ระหว่างที่นาย ก. ขับรถไปในทิศทางดังกล่าว เจ้าพนักงานตำรวจขับรถมาพบพอดี จึงได้ให้นาย ก. หยุดรถและตรวจระดับแอลกอฮอล์ เมื่อพบว่ามีปริมาณมากจึงได้ดำเนินคดีกับนาย ก. จนกระทั่งมีการฟ้องต่อศาล
พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ได้กำหนดไว้ในมาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถขับขี่ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น หรือขับขี่ในลักษณะที่เห็นได้ว่าไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น
การที่เจ้าพนักงานตำรวจตรวจระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายของนาย ก. แล้วปรากฏว่ามีระดับแอลกอฮอล์เกินขนาดย่อมแสดงให้เห็นว่านาย ก. ขับรถขณะเมาสุรา นอกจากนั้น การที่นาย ก. ขับรถย้อนศรสวนทิศทางการเดินรถไม่เป็นไปตามทิศทางที่กำหนดย่อมแสดงให้เห็นอีกเช่นกันว่านาย ก. ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของคนอื่นที่อาจจะขับรถมาในทิศทางที่ถูกต้องแต่อยู่ในช่องทางการเดินรถที่นาย ก. ขับย้อนศรมาซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย การกระทำของนาย ก. จึงย่อมเป็นความผิดตามที่พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 กำหนดไว้ดังกล่าว
ปัญหาประการหนึ่งที่มีการโต้แย้งในเรื่องนี้คือเรื่องของรถยนต์ที่นาย ก. ใช้ขับขี่ในขณะเกิดเหตุ ซึ่งนาย ก. โต้แย้งว่าศาลไม่ควรมีคำสั่งริบเพราะนาย ก. ไม่ได้มีพฤติการณ์ของการแข่งรถในท้องถนนที่ควรจะเป็นเหตุให้ต้องริบรถยนต์ของนาย ก.
การที่จะริบรถยนต์ของกลางหรือไม่ตามปกติย่อมเป็นดุลพินิจของผู้พิพากษาในแต่ละคดีที่จะต้องพิจารณาพฤติการณ์ของจำเลยในแต่ละกรณีประกอบกันว่ามีเหตุสมควรที่จะมีคำสั่งริบหรือไม่ ในคดีนี้ศาลชั้นอุทธรณ์มีคำสั่งริบรถยนต์ของนาย ก. ซึ่งเป็นเหตุให้นาย ก. โต้แย้งและฎีกาไปยังศาลฎีกา
ในกรณีนี้แม้ว่านาย ก. จะไม่ได้มีพฤติการณ์แข่งรถในท้องถนนก็ตาม แต่การที่นาย ก. ใช้รถยนต์ดังกล่าวขับขี่ขณะเมาสุราและขับย้อนศรอันเป็นพฤติการณ์ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น รถยนต์คันดังกล่าวย่อมเป็น “ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด” ซึ่งศาลย่อมมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) การที่ศาลชั้นอุทธรณ์มีคำสั่งริบจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
กรณีนี้คงสรุปได้ว่าหากขณะเมาสุราและขับย้อนศรอันเป็นพฤติการณ์ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นอาจเป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่งริบรถยนต์ของกลางได้ แต่ทั้งนี้การจะมีคำสั่งในแต่ละคดีหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ทั้งหมดในแต่ละคดีที่อาจจะแตกต่างกันได้

(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4730/2564)

Комментарии

Информация по комментариям в разработке