กฎแห่งกรรม เรื่อง ความจริงของชีวิต จริงเมื่อไหร่ ไม่ทุกข์เมื่อนั้น

Описание к видео กฎแห่งกรรม เรื่อง ความจริงของชีวิต จริงเมื่อไหร่ ไม่ทุกข์เมื่อนั้น

#vihantaweesak#กฎแห่งกรรม#ความจริงของชีวิต#ไม่ทุกข์# กฎแห่งกรรม เรื่อง ความจริงของชีวิต จริงเมื่อไหร่ ไม่ทุกข์เมื่อนั้น ความทุกข์ เรื่องนี้มันเกิดจากอะไร ก็เพราะไม่เข้าใจในสัจธรรมอันเป็นหลักความจริงของโลก เป็นหลักความจริงของชีวิต เราไม่ได้คิดถึงความจริงทั้งหลายเหล่านั้นให้เข้าใจชัดเจน เลยไปเกิดความยึดมั้นถือมั้นขึ้นมา ต้องทำให้เกิดเป็นความทุกข์
ในทางศาสนามีหลักคำสอนชั้นสูงที่เรียกว่า “สัจธรรม”
สัจธรรมนี้ เป็นคำสอนที่ปรากฏอยู่ในที่ทั่วๆไป ไม่มีใครบัญญัติแต่งตั้งหรอก แต่ว่ามีผู้คนพบ เช่น ในพระพุทธศาสนานี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงค้นพบด้วยพระองค์เอง แล้วทรงเปิดเผย ทำให้ตื้น แจกจ่ายให้แก่คนทั่วไป เราจึงได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรที่ถูกต้องตามความเป็นจริง และได้นำหลักธรรมะเหล่านั้น มาเป็นแนวปฏิบัติ ขัดเกลาจิตใจของเราให้สะอาด สงบ สว่าง เยือกเย็น
เรื่องของสัจธรรมนี้ จึงเป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง มีอยู่ในที่ทุกหนทุกแห่ง ถ้าเราตั้งใจดู ตั้งใจฟัง ตั้งใจคิด เราก็จะได้พบสิ่งนั้นเหมือนกัน เมื่อเราได้พบแล้ว เราก็นำมาเป็นหลักสำหรับพิจารณาแก้ไขปัญหาต่างๆ นั้นได้
ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ เช่นว่า ญาติโยมบางคนมีความประพฤติดี ประพฤติชอบ แต่ว่ายังมีความทุกข์ในใจ ทุกข์ด้วยเรื่องอะไร...ด้วยเรื่องของธรรมดา เช่น ทุกข์เพราะพลัดพรากจากของรักของชอบใจ มีลูกตายจากไปก็เสียใจ มีทรัพย์ถูกขโมยไปก็เสียใจ บางครั้งบางคราวตัวเราเองมีความเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บ อันเป็นเรื่องธรรมชาติ มนุษย์เกิดมาแล้วก็ต้องมีเรื่องอย่างนี้ ก็นอนเป็นทุกข์ ตรมตรอมใจด้วยประการต่างๆ
มีหลานบางทีก็เป็นทุกข์เพราะหลาน เช่น มีหลานเลี้ยงอยู่ก็สบายใจ พอเขาเอาหลานไปก็เป็นทุกข์กลุ้มอกกลุ้มใจ ต่อไปไม่มีหลานจะเลี้ยงแล้ว อะไรในทำนองนี้
ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ความทุกข์ เรื่องนี้มันเกิดจากอะไร ก็เพราะไม่เข้าใจในสัจธรรม อันเป็นหลักความจริงของโลก เป็นหลักความจริงของชีวิต เราไม่ได้คิดถึงความจริงทั้งหลายเหล่านั้นให้เข้าใจชัดเจน เลยไปเกิดความยึดถือขึ้นมา
ความยึดถือนี้ เป็นสิ่งที่สร้างความทุกข์ให้เกิดขึ้นในใจของเรา ยึดถือว่าเป็นลูกของฉัน หลานของฉัน เงินของฉัน ทองของฉัน อันนั้นอันนี้เป็นของฉันทั้งนั้น นึกอย่างนี้เขาเรียกว่านึกผิดไปจากความจริง..?
ความจริงนั้นมันเป็นอย่างไร "ความจริงสิ่งทั้งหลายนี้ไม่ใช่ของใคร"
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ในธรรมะบทหนึ่งว่า คนเราคิดว่าสิ่งนั้นเป็นของตน สิ่งนี้เป็นของตน เช่น คิดว่าทรัพย์มีอยู่ ของนั้นมีอยู่ การคิดเช่นนี้ไม่ถูกต้อง เพราะว่าตนของตนก็ยังไม่มี แล้วจะเอาสิ่งนั้นมาจากไหน
คำบาลีว่า
”ปุตตา นัตถิ ธะนะนัตถิ อิติ พาโล วิหัญญะติ กุโต ปุตตากุโต ธะนัง”
แปลว่า “คนเขลาคิดว่าบุตรของฉัน ทรัพย์ของฉัน แล้วก็เข้าใจว่าสิ่งนั้นเป็นของตัวตลอดไป เนื้อแท้ตัวของตัวก็ยังไม่มี แล้วสิ่งนั้นมันจะมีได้อย่างไร"
อันนี้มันลึกซึ้ง ถ้าฟังเผินๆ ก็อาจจะมองไม่เห็น เราต้องคิด เพื่อให้เห็นจริง ว่ามันไม่มีอย่างไร มันไม่เป็นของเราอย่างไร ต้องหมั่นคิดนึกตรึกตรองในปัญหาเหล่านี้
หลักที่เราจะนำมาคิดก็มีอยู่ ๓ หลัก อันเป็นหลักธรรมดาธรรมชาติที่มีอยู่ตลอดเวลา คือ
๑. ความไม่เที่ยง
๒. ความเป็นทุกข์
๓. ความเป็นอนัตตา คือ ที่ไม่ใช่ของตัวตนที่แท้จริง
ถ้าเราหมั่นเอาความคิดเหล่านี้มาคิดบ่อยๆ ก็จะมองเห็นชัดเจนขึ้น คือ เห็นว่ามันไม่เที่ยงจริง มันมีความทุกข์เพราะเข้าไปยึดถือจริง มันไม่มีตัวตนที่แท้จริง มีแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ไหลไปชั่วขณะหนึ่งๆ ตามเรื่องตามราวของมันเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรที่เรียกว่า เป็นตัวตนที่แท้จริงถาวร อันควรจะเข้าไปจับไปเกาะว่าเป็นตัวเราเป็นของเราขึ้นมา อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องคิดนึกตรึกตรองบ่อยๆ พิจารณาบ่อยๆ
สมมติว่า เราปลูกกุหลาบไว้กระถางหนึ่ง เราไปใส่ปุ๋ยรดน้ำให้มัน เราก็จะเห็นว่ามีดอกเล็กๆ เป็นดอกตูมออกมานิดเดียว ดอกตูมนั้นค่อยโตขึ้น พอโตขึ้นมาแล้วมันก็แย้มออกมาหน่อยหนึ่ง แล้วต่อมามันก็บานออก เป็นดอกสวย เราก็ชมว่า แหม.. ดอกใหญ่ดี สวยงาม สีก็งาม กลิ่นก็หอม เราก็ชอบใจ เพลิดเพลินอยู่กับดอกกุหลาบนั้น เราไม่ได้คิดว่า ดอกกุหลาบนี้มันจะเป็นอะไรต่อไป
ถ้าดูต่อไปอีกหน่อย บางทีวันเดียวเท่านั้นแหละ ดอกกุหลาบนั้นกลีบนอกชักจะเหี่ยว มันเหี่ยวที่ริมน้อยๆ ก่อน สีไปก่อน ต่อไปก็เหี่ยวทั้งกลีบ ไม่เท่าใดกลีบนั้นก็ร่วงหล่น ผลที่สุดก็เหลือแต่ก้าน ดอกกุหลาบนั้นหายไปแล้ว และเมื่อหล่นลงไปในกระถางหรือที่ดินแล้ว มันก็จมดินหายไป

Комментарии

Информация по комментариям в разработке