ระบบเผาผลาญพัง เป็นยังไง & ใช้เวลาฟื้นฟูกี่เดือน?

Описание к видео ระบบเผาผลาญพัง เป็นยังไง & ใช้เวลาฟื้นฟูกี่เดือน?

ตอนนี้เพื่อนๆกำลังเครียดกับปัญหาระบบเผาผลาญพัง และอยากรู้ว่าระบบเผาผลาญที่ดีขึ้น เป็นยังไง และต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูนานแค่ไหน อยู่หรือเปล่าครับ?

แน่นอนว่า เราอาจจะเคยลดความอ้วนผิดวิธี ด้วยการกินน้อยๆ กินยาลดน้ำหนัก หรือไดเอทโดยไม่ออกกำลังกาย จนระบบเผาผลาญไม่ดีหรือพังไปได้

ซึ่งผลเสียที่ตามมา คือ ไม่ว่าเราเล่นเวทเทรนนิ่งทั่วร่ากาย เสริมด้วยคาร์ดิโอ มี Cheat Meal แค่อาทิตย์ละ 1 ครั้ง และไม่ว่าจะกินน้อยหรือกินเยอะแค่ไหนก็ตาม น้ำหนักก็อาจจะดีดขึ้นเรื่อยๆ ลดไขมันยาก และถึงแม้ว่ากล้ามเนื้อจะหนักกว่าไขมัน เราอาจจะใส่เสื้อผ้าตัวเดิมไม่ได้ เป็นต้น

สวัสดีครับ ผมโค้ชเค Fitterminal.com และวันนี้ ผมจะพาไปดูว่า ระบบเผาผลาญที่ดี & ระบบเผาผลาญพังต่างกันยังไง และเราจะมีวิธีฟื้นฟูระบบเผาผลาญให้ดีขึ้นได้ยังไง และใช้เวลานานแค่ไหน ตามไปดูกันเลยครับ

ระบบเผาผลาญพัง เป็นยังไง & ใช้เวลาฟื้นฟูกี่เดือน?
รู้ไหมครับว่า สำหรับคนออกกำลังกายที่ต้องการลดความอ้วนหรือสร้างกล้ามเนื้อ ร่างกายเราจะต้องได้รับสารอาหารและพลังงานแคลอรี่ในปริมาณที่เหมาะสม

1. เพื่อการทำงานของอวัยวะ และระบบต่างๆของร่างกายที่ดี เช่น รู้ไหมครับว่า ตับและมวลกล้ามเนื้อจะใช้พลังงานจากอาหารมากที่สุด และจะมีผลโดยตรงต่อการทำงานของระบบ Metabolism

2. เพื่อให้ร่างกายเปลี่ยนสารอาหารหลัก หรือ Macronutrients ไปใช้เป็นพลังงานได้ดีขึ้น เช่น ใช้โปรตีนในการสร้างกล้ามเนื้อ หรือใช้คาร์บและไขมันเป็นแหล่งพลังงาน มากกว่าที่จะเก็บไว้เป็นไขมันในร่ากาย

3. เพื่อให้ร่างกายมีวิตามินและแร่ธาตุ ในการเพิ่มความแข็งแรง และการเผาผลาญ เช่น ร่างกายเราจะต้องการวิตามินซีเพื่อใช้ในภูมิคุ้มกัน และวิตามินบี ในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต เป็นต้น

ระบบ METABOLISM คืออะไร?

ระบบ Metabolism โดยรวมๆแล้ว คือ กระบวนการทำงานต่างๆของร่างกายทั้งหมด ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ นั่นคือ

1. Anabolism ที่จะเป็นการใช้พลังงานในการสร้างโมเลกุลใหม่ขึ้นมา เช่น การใช้โปรตีนในการสร้างกล้ามเนื้อ (Muscle Protein Synthesis) หรือถ้าเรากินอาหารเยอะเกินไป ร่างกายจะสร้างเซลล์ไขมันขึ้นมาใหม่ เป็นต้น

2. Catabolism ที่จะตรงกันข้าม นั่นคือการกำจัด หรือ Breakdown สารอาหารหรือโมเลกุล เพื่อใช้เป็นพลังงาน เช่น เซลล์กล้ามเนื้อจะย่อยสลายคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลกลูโคส เพื่อสร้าง ATP และคาร์บบางส่วนจะถูกเก็บไว้เป็นไกลโคเจน เป็นต้น

ต่อมา บางทีถึงแม้ว่า ตอนนี้อายุเราก็ยังไม่ถึงจุดที่ระบบเผาผลาญจะพังหรือหายไป แต่เราอาจจะเริ่มสังเกตว่า กินอะไรก็อ้วนง่าย เริ่มลดน้ำหนักยากขึ้น ไม่เหมือนกับคนอื่นที่ไม่ว่าจะอ้วนแค่ไหน พอคุมอาหาร และออกกำลังกายไม่นาน ก็จะลดน้ำหนักได้แล้ว เป็นต้น

ซึ่ง 3 ปัจจัยหลัก ที่มีผลต่ออัตราการเผาผลาญ (Metabolic Rate) ของร่างกายเรา คือ

1. Basal Metabolic Rate / Resting Metabolic Rate ที่จะเป็นพลังงานที่ใช้ในกระบวนการต่างๆเพื่อการอยู่รอด เช่น การหายใจ และการทำงานของตับ เป็นต้น

2. Thermic Effect of Exercise (TEE) นั่นคือพลังงานที่ใช้ในการออกกำลังกาย และรวมไปถึงกิจกรรมที่เราทำระหว่างวันที่ไม่ใช่การออกกำลังกายด้วย หรือ Non-exercise activity thermogenesis (NEAT)

3. Thermic Effect of Food (TEF) ซึ่งเป็นการเผาผลาญพลังงานเพื่อย่อยและดูดซึมอาหารเข้าสู่ร่างกาย เช่น ร่างกายเราจะใช้ต้องพลังงานมากขึ้นประมาณ 20-25% ในการย่อยและดูดซึมโปรตีน ในขณะที่ไขมันจะมีมากสุดแค่ 5% เท่านั้น เป็นต้น

ดังนั้น การออกกำลังกายที่เหมาะสมและต่อเนื่อง และการเลือกกินอาหารที่เป็นธรรมให้เพียงพอ จะมีผลโดยตรงต่ออัตราการเผาผลาญ หรือการทำงานของระบบ Metabolism ที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะสุขภาพโดยรวมที่ดี ความแข็งแรงของอวัยวะภายใน และระดับฮอร์โมทนที่เหมาะสม เป็นต้น

อ่านบทความเต็ม: https://bit.ly/42DBOYm
===============================
ถ้าเพื่อนๆมีเป้าหมายอยากลดน้ำหนัก ลดไขมัน อยากมีหุ่นในฝัน ให้ตัวเองภูมิใจสักครั้งในชีวิต แอดไลน์ที่ลิ้งค์ด้านล่าง แล้วมาปรึกษาก่อนได้ครับ
===============================
| Follow Us | ช่องทางการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร |
Fitterminal LINE: @fitterminal หรือคลิก https://lin.ee/Txxw3zR
Fitterminal Facebook: http://bit.ly/2GeJebZ
Fitterminal Instagram: http://bit.ly/2Zh5KtG
Fitterminal Website: http://bit.ly/2GKOWDa
#ลดน้ำหนัก #ลดไขมัน #ifลดน้ำหนัก

Комментарии

Информация по комментариям в разработке