วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า 1เธสะโลนิกา 5:1-11

Описание к видео วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า 1เธสะโลนิกา 5:1-11

1เธสะโลนิกา 5:1-11

1พี่น้องทั้งหลาย เราไม่จำเป็นต้องเขียนบอกท่านว่าเป็นวันเวลาใด
2เพราะท่านรู้ดีว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึงเหมือนขโมยในยามวิกาล
*** วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า the day of the Lord เปาโลกล่าวถึงวันที่พระเยซูจะกลับมาเพื่อพิพากษาผู้เชื่อก่อน (มธ 7.21-23)
*** เหมือนขโมยในยามวิกาล คือในวันเวลาที่ไม่มีใครคาดคิดหรือหลับอยู่ในการเดินในพระวิญญาณ ใช้ชีวิตกินดื่มเพื่อความสุขในการฝ่ายเนื้อหนัง (มธ 24.36-39)

3ขณะที่ผู้คนกำลังพูดกันว่า “สงบสุขและปลอดภัย” ขณะนั้นหายนะก็จะมาถึงพวกเขาในฉับพลันเหมือนการเจ็บท้องจะคลอดที่เกิดขึ้นกับหญิงมีครรภ์ และคนเหล่านั้นจะหนีไม่พ้น
*** ขณะนั้นหายนะก็จะมาถึง ก็คือความทุกข์ยากการทนทุกข์ทรมานทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นก่อนที่พระเยซูจะเสด็จมา

4แต่พี่น้องทั้งหลาย ท่านไม่ได้อยู่ในความมืดเพื่อว่าวันนั้นจะไม่ทำให้ท่านประหลาดใจเหมือนขโมยมา
*** ความมืดในที่นี้ ไม่ใช่เวลากลางคืนของโลก แต่มันคือการใช้ชีวิตและเดินในเนื้อหนังชีวิตเก่าอาดัม คนที่อยู่ในความสว่างจะได้รับการเตือนโดยพระวิญญาณเพื่อให้ไม่ออกไปจากการเดินในพระคริสต์

5พวกท่านล้วนเป็นลูกของความสว่าง เป็นลูกของกลางวัน เราไม่ได้เป็นของกลางคืนหรือของความมืด
*** ลูกของความสว่างก็คือบุตรพระเจ้าที่ควรจะมีชีวิตและเดินในความเชื่อในแต่ละวัน

6ฉะนั้นเราอย่าเหมือนคนอื่นๆ ที่หลับใหล แต่จงตื่นตัวและควบคุมตนเอง
*** คนอื่น ๆ ที่หลับใหล ก็คือทุกคนที่ไม่เชื่อและผู้เชื่อที่ไม่สนิทในพระเยซูไม่ฝึกเดินในแต่ละวัน

7เพราะผู้ที่หลับก็หลับเวลากลางคืน ผู้ที่เมามายก็เมามายตอนกลางคืน
*** หลับ คือการไม่สนิทบอกรักและเดินในพระวิญญาณ กลางคืนก็คืออยู่ในอาดัมที่ไม่มีความสว่างของพระเจ้า

8แต่เพราะเราอยู่ฝ่ายกลางวัน ให้เรารู้จักบังคับตน สวมความเชื่อและความรักเป็นเกราะกำบังอก มีความหวังใจในความรอดเป็นหมวกเหล็ก
9เพราะพระเจ้าไม่ได้ทรงกำหนดให้เราเผชิญพระพิโรธ แต่ทรงให้รับความรอดโดยทางองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา
*** ในข้อนี้เปาโลยกสามสิ่งเพื่อไม่ให้เราหลับและอยู่ในเวลากลางคืนได้ 1.สวมความเชื่อก็คือการใช้ชีวิตที่เชื่อและเชื่อเอาในความจริงของพระเจ้าที่ทำสำเร็จแล้วในพระคริสต์ 2.สวมความรักก็คือ เอารักเป็นหลักเป็นศูนย์กลางเป็นฐานคือการกระทำทุกสิ่งพูดทุกสิ่งต่อทุกคนด้วยความรักให้ผู้อื่นได้สำผัสรักของพระเจ้าผ่านเรา เมื่อเรามีสองสิ่งนี้เป็นเกาะกำบังอก มนุษย์หรือผีมารก็ทำอะไรเราไม่ได้ สิ่งที่สามก็คือเอาความหวังใจในความรอดเป็นหมวกเหล็กก็คือเราเชื่อในความจริงของพระเจ้าว่าเรารอดแล้วรอดเลย อย่าเชื่อถ้าหากมีผู้นำอาจารย์ผู้เผยพระวจนะมาบอกเราว่าเราจะไม่รอดถ้าหากเชื่อต้องรักษาพระบัญญัติต้องเคร่งศาสนาด้วยจึงจะรอด เนื่องจากว่าเรารอดก็รอดโดยทางพระคุณของพระเยซูที่พระองค์เป็นคนกระทำและเราเป็นคนได้รับจากพระองค์ ส่วนเรื่องการกระทำดีเชื่อฟังเป็นเรื่องของการรอดเข้าไปในอาณาจักรในยุคหน้า

10พระองค์ได้สิ้นพระชนม์เพื่อเรา เพื่อไม่ว่าเราจะอยู่หรือตายก็จะมีชีวิตกับพระองค์
*** การสิ้นพระชนม์ของพระเยซู คือคำตอบเรื่องความรอดในวันสุดท้ายและรอดเข้าไปในอาณาจักร คือเชื่อเท่านั้นการตายของพระเยซูก็ทำให้เราได้กลายเป็นคนชอบธรรมเนื่องจากว่าพระเจ้าพอใจแล้ว และการตายของพระเยซูที่นับเราเข้าส่วนในการตายกับพระองค์และเป็นขึ้นกับพระองค์ก็ช่วยให้เรามีชีวิตใหม่ที่มีพระคริสต์ทำแทนเรา พระองค์จะอยู่กับเราและอยู่ในเราขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ (มธ 28.20/ โรม 6.8)

11เหตุฉะนั้นจงให้กำลังใจกันและเสริมสร้างซึ่งกันและกันขึ้นเหมือนที่ท่านก็กำลังทำอยู่แล้ว
*** การให้กำลังใจและการเสริมสร้างคือสิ่งที่จะช่วยพี่น้องในพระกายได้เติบโตไปด้วยกัน นี่คือหัวใจหรือน้ำพระทัยของพระเจ้า ผู้เชื่อไม่ควรคิดลบและมองพี่น้องด้วยสายตาอารมณ์ความรู้สึกในฝ่ายเนื้อหนัง แต่รักกันและกันโดยไม่มีข้อแม้ ให้กำลังใจแทนการทำร้ายทำลายจิตใจกัน ทั้งเสริมสร้างด้วยคำพูดที่มีรสเค็มไม่ใช่รสขม

Комментарии

Информация по комментариям в разработке