4 เหตุผล ทำไมน้ำหนักไม่ลด & อ้วนขึ้น

เพื่อนๆเคยเจอสถานณการณ์เหล่านี้ไหมครับ ที่เรากินอาหาร และออกกำลังกายเหมือนเดิม แต่น้ำหนักไม่ลดแถมยังดีดขึ้นอีก?

หรือบางทีก็เหมือนกับว่า ระดับฮอร์โมนมีปัญหา จนเหมือนกับว่าระบบเผาผลาญพัง และอยากกินของไม่ดีอยู่ตลอดเวลา

และบางทีเปลี่ยนมาทำตามสูตร Ketogenic Diet หรือ Intermittent Fasting แต่ก็ยังไม่เห็นผล มันเกิดจากอะไร?

วันนี้ผมโค้ชเคจะมาพูดถึง 4 เหตุผล ที่ทำไมน้ำหนักไม่ลด และมีวิธีแก้ไขแนะนำเช่นเคย ตามมาเลยครับ

4 เหตุผล ทำไมน้ำหนักไม่ลด
แน่นอนครับสิ่งที่เรารู้ดีอยู่แล้ว คือ ถ้าเรากินเยอะ และร่างกายได้รับพลังงานแคลอรี่มากกว่าที่ต้องการ เราก็จะมีน้ำหนักที่มากขึ้นและร่างกายมีไขมันมากขึ้น

แต่ถ้าเพื่อนๆที่เคยลดน้ำหนัก หรือลดไขมันจริงๆ สังเกตได้ทันทีเลยว่า มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น

นั่นเป็นเพราะว่า สมองของเราทำมีการทำงานตลอดเวลา เพื่อดูว่าเรากินอาหารมากน้อยแค่ไหน ต้องเก็บไขมันไว้หรือเปล่า และต้องปรับระดับฮอร์โมนยังไงบ้าง เพื่อให้เข้ากับพลังงานแคลอรี่ที่น้อยลง

ทีนี้คำถาม คือ การกินน้อยลง และการออกกำลังกายมากขึ้น มันไม่ได้ช่วยลดน้ำหนักเลยหรอ?

คำตอบ คือ ช่วยครับ แต่ว่าการลดน้ำหนักและลดไขมัน มันมีปัจจัยหลายอย่างมากกว่า นับแคลอรี่เข้า และเผาผลาญแคลอรี่ออก

ปัญหาหลักๆของหลักการ CALORIE-IN และ CALORIE-OUT นะครับ นั่นคือ
1. เพื่อนๆครับ เครื่องมือต่างๆที่วัดพลังงานที่เราเผาผลาญ มักจะบอกปริมาณแคลอรี่ที่เยอะเกินไป ทำให้เราเข้าใจผิดว่า เราออกกำลังกายแล้วสามารถเผาผลาญแคอลอรี่ได้เยอะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราอาจจะเผาผลาญน้อยกว่านั้น

ทีนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเพื่อนๆหลายคน คือ เราจะคิดว่าร่างกายเผาผลาญได้เยอะ เราจึงสามารถกินได้เยอะขึ้น จะว่าไปแล้วมันก็เหมือนออกกำลังกายเพื่อที่จะได้กิน แน่นอนเราจะเป็นหมูที่แข็งแรง แต่เราไม่มีหุ่นในฝันได้

2. การเผาผลาญพลังงานออกจากร่างกายของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีก เช่น Resting Metabolic Rate หรือ RMR มีส่วนช่วยเผาผลาญพลังงานแคลอรี่ต่อวัน ได้มากถึง 60%

ซึ่งหลักๆมันก็จะขึ้นอยู่กับว่า เรามีมวลกล้ามเนื้อมากเท่าไหร่ อายุเยอะแค่ไหน และสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร ก็มีส่วนด้วยเหมือนกัน

3. ต่อมาเพื่อนๆรู้ไหมครับว่า ฉลากอาหารจะมีความคลาดเคลื่อนได้มากถึง 20% นั่นหมายความว่า ปริมาณพลังงานแคลอรี่ที่เราเห็น อาจจะมีมากหรือน้อยกว่านั้นมากถึง 20%

4. อาหารที่เรากินก็มีส่วนช่วยเผาผลาญพลังงานแตกต่างกันไปที่เรียกว่า Thermic Effect of Foods อีกทั้ง อาหารที่เป็นธรรมชาติ เราอาจจะดูดซึมเข้าร่างกายได้ 100%

ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเรากินมันเทศดิบ ร่างกายเราจะดูดซึมสารอาหารและแคลอรี่ได้นิดเดียว แต่หลังจากที่เราทำให้สุก ไม่ว่าจะด้วยการนึ่งหรือย่างก็ตาม สตาร์ช ซึ่งเป็นน้ำตาลชนิดหนึ่ง จะมีปริมาณมากขึ้นถึง 3 เท่า

แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ ถ้าเราทิ้งมันให้เย็นแล้วค่อยมากิน เราจะเคี้ยวยาก ร่างกายก็ใช้เวลานานในการย่อยและดูดซึม นั่นเป็นเพราะว่า Resistant Starch ได้ก่อตัวขึ้นมาแล้ว

มันเทศ

นี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเรากินมันได้เยอะตอนร้อนๆ และรสชาติจะหวานกว่าปรกติ

เพื่อนๆจะเห็นแล้วนะครับว่า การลดน้ำหนักด้วยการนับแคลอรี่บางทีมันอาจจะใช้ไม่ได้เสมอไป

ผมแนะนำว่า เราแค่รู้ว่าเราควรกินให้ได้ประมาณกี่แคลอรี่ต่อวัน และพยายามปรับให้ใกล้เคียงให้มากที่สุด และดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในแต่ละอาทิตย์ และแต่ละเดือนดีกว่า

ในกรณีของผม ถ้านักเรียนที่ลดน้ำหนักยาก ผมอาจจะให้ใช้ทั้งการนับแคลอรี่ และการกะปริมาณด้วยฝ่ามือ เพื่อกะปริมาณอาหารให้แม่นขึ้น

และถ้ายังไม่ได้ผลอีก การกินให้ช้าลง หรือเปลี่ยนเวลาอดอาหารให้เร็วขึ้น หรือช้าลงได้

การลดน้ำหนักแบบไม่นับแคลอรี่ ดีกว่าไหม?
ถ้าเพื่อนๆน้ำหนักหรือไขมันไม่ลด และรูปร่างไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย แน่นอนครับเราก็ยังต้องมาดูปริมาณพลังงานจากอาหารต่อวันที่เรากินเข้าไป

และในขณะเดียวกันก็ต้องมีดูปริมาณพลังงานแคลอรี่ที่เผาผลาญออกด้วย นี่ก็คือหนึ่งในเหตุผล ที่เราควรออกกำลังกายควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร

เรามาดูกันครับว่า มีปัจจัยอะไรบ้าง ที่มีผลต่อการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย เพื่อที่เราจะได้วางแผนในการลดไขมันได้ถูกต้อง

อ่านบทความเต็ม: https://bit.ly/2MsRBny

ถ้าเพื่อนๆมีเป้าหมายอยากลดน้ำหนัก ลดไขมัน อยากมีหุ่นในฝัน ให้ตัวเองภูมิใจสักครั้งในชีวิต

แอดไลน์ที่ลิ้งค์ด้านล่าง แล้วมาปรึกษาก่อนได้ FREE ครับ

#ลดน้ำหนัก #ลดไขมัน #ออกกำลังกายหลังคลอด
===============================
| Follow Us | ช่องทางการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร |
Fitterminal LINE: https://lin.ee/oUroe8R
Fitterminal Facebook: http://bit.ly/2GeJebZ
Fitterminal Instagram: http://bit.ly/2Zh5KtG
Fitterminal Website: http://bit.ly/2GKOWDa

Brolls: https://www.pexcel.com https://www.freepik.com https://www.coverr.com https://www.pixabay.com