ฎีกา InTrend ep.85 แอบอัดการสนทนา นำมาใช้เป็นหลักฐานฟ้องหมิ่นประมาทได้หรือไม่

Описание к видео ฎีกา InTrend ep.85 แอบอัดการสนทนา นำมาใช้เป็นหลักฐานฟ้องหมิ่นประมาทได้หรือไม่

ฎีกา InTrend ep.85 แอบอัดการสนทนา นำมาใช้เป็นหลักฐานฟ้องหมิ่นประมาทได้หรือไม่

The Host : กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรม

Guest Host : สรวิศ ลิมปรังษี

ที่ปรึกษา : สรวิศ ลิมปรังษี, อรวรานันท์ ธนาพันธ์วรากุล

Show Creator : นันทวัลย์ นุชนนทรี, ศณิฏา จารุภุมมิก
Episode Producer & Editor : ศณิฏา จารุภุมมิก, ปนัสยา ชื่นอุระ
Sound Designer & Engineer : กฤตภาส ทองแจ้ง, กิติชัย โล่สุวรรณ
Coordinator & Admin : สุภาวัชร์ ดลมินทร์, โสรัตน์ ไวศยดำรง
Art Director : สุภาวัชร์ ดลมินทร์
Webmaster : ผุสชา เรืองกูล, วชิระ โรจน์สุธีวัฒน์

ในการฟ้องคดีอาญาสิ่งสำคัญประการหนึ่งคือการนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ว่าได้มีการกระทำความผิดอาญาตามที่โจทก์กล่าวอ้าง แต่ข้อที่ควรระวังประการหนึ่งคือพยานหลักฐานที่นำมาพิสูจน์นั้นต้องได้มาโดยชอบด้วย อย่างไรก็ตาม แม้พยานหลักฐานบางอย่างจะได้มาโดยมิชอบ กฎหมายก็ไม่ได้ห้ามเป็นการเด็ดขาด โดยต้องพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นในแต่ละเรื่องด้วย ปัญหาที่จะนำมากล่าวถึงในตอนนี้จะเป็นกรณีที่แอบอัดการสนทนาไว้แล้วจะนำบันทึกที่อัดไว้มาใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องหมิ่นประมาทได้หรือไม่
นางไก่เคยทำงานในเครือข่ายการขายตรงของบริษัทขายไม่เลิก จำกัด แต่ต่อมามีปัญหากับนายเสือที่เป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าวเกี่ยวกับการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนที่ได้จากการขายตรง นางไก่จึงได้ลาออกไปทำงานกับบริษัทขายตรงอีกแห่งที่เป็นคู่แข่งของบริษัทขายไม่เลิก จำกัด โดยนางไก่และนายเสือได้มีคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับหนี้ที่เกิดขึ้นจากการทำงานด้วยกันอยู่ด้วย
ต่อมานางไก่ได้นัดรับประทานอาหารร่วมกันกับนายสิงห์ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมงานกันที่บริษัทขายไม่เลิก จำกัด นายสิงห์ยังคงทำงานอยู่ที่เดิม ระหว่างการพูดคุย นางไก่ได้พูดถึงนายเสือและบริษัทขายไม่เลิก จำกัด ว่ามีการทำธุรกิจที่ไม่ชอบมาพากล เอาเปรียบคนที่ทำงานในเครือข่าย นายสิงห์เห็นว่าคำพูดที่นางไก่ใช้เป็นการพูดถึงบริษัทและนายจ้างของตน จึงได้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แอบอัดบทสนทนาดังกล่าวไว้
นายสิงห์ได้นำบันทึกการสนทนาดังกล่าวไปให้นายเสือฟัง นายเสือฟังแล้วโกรธจึงได้ฟ้องนางไก่เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยใช้บันทึการสนทนาดังกล่าวเป็นหลักฐานสำคัญประกอบกับคำเบิกความของนายสิงห์
ปัญหาที่สำคัญในกรณีนี้คงเป็นเรื่องของที่จะใช้บันทึกการสนทนาที่นายสิงห์แอบอัดไว้มาเป็นพยานหลักฐานในคดีอาญาเพื่อลงโทษนางไก่ได้หรือไม่
กรณีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226/1 ได้กำหนดห้ามไว้ไม่ให้รับฟังพยานหลักฐานที่แม้จะเกิดขึ้นโดยชอบแต่หากวิธีการได้มาซึ่งพยานหลักฐานนั้นเป็นการกระทำที่มิชอบ อย่างไรก็ตาม ข้อห้ามดังกล่าวก็ไม่ใช่ข้อห้ามเด็ดขาด ศาลอาจรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวได้หากการรับฟังนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสียที่จะเกิดขึ้น
กรณีที่จะรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวหรือไม่จำเป็นต้องพิจารณาจากปัจจัยหลาย ๆ ประการ เช่น คุณค่าในเชิงพิสูจน์ ความสำคัญและความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานนั้น พฤติการณ์และความร้ายแรงของความผิดในคดี เป็นต้น
ในกรณีคดีที่นายเสือฟ้องนางไก่นี้ จะเห็นได้ว่าการที่นางไก่พูดถึงนายเสือและบริษัทขายไม่เลิก จำกัด นั้นเป็นการที่นางไก่พูดของนางไก่เอง ไม่ได้เกิดจาการบังคับหรือจูงใจให้นางไก่พูดถ้อยคำเหล่านั้น คำพูดของนางไก่จึงเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยชอบด้วยตัวพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเอง
อย่างไรก็ตาม การที่นายสิงห์แอบอัดบทสนทนาที่ตนพูดกับนางไก่นั้นเป็นการกระทำที่นางไก่ไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย และกระทบต่อสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของนางไก่ แม้ว่าบทบัญญัติตามมาตรา 226/1 ตามปกติจะใช้กับการแสวงหาพยานหลักฐานของรัฐที่จะมาลงโทษประชาชน แต่ข้อห้ามดังกล่าวใช้กับคดีที่เอกชนฟ้องกันเองด้วย จึงถือว่าบันทึกการสนทนานั้นเป็นหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบและต้องห้ามไม่ให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน
ในกรณีนี้เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวระหว่างคนสองคน ไม่ได้กระทบต่อประชาชนคนอื่นหรือสังคมแต่อย่างใด การรับฟังพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบในคดีลักษณะนี้จึงจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ไม่เข้าข้อยกเว้นที่ควรรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
การแอบอัดการสนทนาถือเป็นการทำให้ได้พยานหลักฐานมาโดยมิชอบ ปกติย่อมต้องห้ามไม่ให้รับฟัง หากนำเป็นหลักฐานในคดีที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนเช่น คดีหมิ่นประมาท ย่อมไม่เข้าข้อยกเว้นที่ควรรับฟังพยานหลักฐานลักษณะนี้

(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3782/2564)

Комментарии

Информация по комментариям в разработке