ฎีกา InTrend EP.59 ขอให้ชดใช้ตาม ม.44/1 จะเรียกค่าเสียหายจากการกระทำความผิดอื่น....ได้หรือไม่

Описание к видео ฎีกา InTrend EP.59 ขอให้ชดใช้ตาม ม.44/1 จะเรียกค่าเสียหายจากการกระทำความผิดอื่น....ได้หรือไม่

The Host : กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรม
Guest Host : สรวิศ ลิมปรังษี
ที่ปรึกษา : อัครพันธ์ สัปปพันธ์, อรวรานันท์ ธนาพันธ์วรากุล
Show Creator : นันทวัลย์ นุชนนทรี, ศณิฏา จารุภุมมิก
Episode Producer & Editor : ศณิฏา จารุภุมมิก, ปนัสยา ชื่นอุระ
Sound Designer & Engineer : กฤตภาส ทองแจ้ง, กิติชัย โล่สุวรรณ
Coordinator & Admin : สุภาวัชร์ ดลมินทร์, โสรัตน์ ไวศยดำรง
Art Director : สุภาวัชร์ ดลมินทร์, ปันจารีณ์ สุวรรณโภชน์ ทศพร ศิลาบำเพ็ญ
Webmaster : ผุสชา เรืองกูล
การเรียกร้องค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 เป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้ผู้เสียหายได้รับการชดใช้เยียวยาด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยสามารถดำเนินการไปในคดีอาญาที่พนักงานอัยการฟ้องได้ทันที แต่ค่าเสียหายที่เรียกร้องนั้นจะเรียกร้องได้เพียงใดเป็นข้อที่ต้องพิจารณาด้วยเช่นกัน สำหรับกรณีที่นำมากล่าวถึงในตอนนี้จะเป็นปัญหาที่ว่ากรณีที่พนักงานอัยการฟ้องข้อพยายามฆ่า ผู้เสียหายจะเรียกร้องค่าเสียหายจากการทำให้เสียทรัพย์ได้หรือไม่
ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในกรณีนี้เกิดขึ้นระหว่างนายเสือและนายไก่ซึ่งมีเรื่องราวระหองระแหงกัน วันหนึ่งขณะที่นายเสือขับรถยนต์ของตนเองไปในอำเภอก็เห็นนายไก่กำลังขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างอยู่ข้างหน้าตน ด้วยความโกรธจากเรื่องระหองระแหงที่มีต่อกัน นายเสือจึงได้แกล้งขับรถไปเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของนายไก่โดยตั้งใจที่จะทำให้เกิดอันตรายแก่นายไก่
ต่อมานายไก่ได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการได้ฟ้องนายเสือเป็นจำเลยในข้อหาพยายามฆ่านายไก่
ระหว่างการดำเนินกระบวนพิจารณา นายไก่ได้ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีด้วย และยื่นคำร้องขอให้นายเสือชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 โดยค่าสินไหมทดแทนที่นายไก่เรียกร้อง ประกอบด้วยค่าเสียหายต่อร่างกาย ค่าเสียหายจากการได้รับความกระทบกระเทือนต่อจิตใจ และค่าเสียหายต่อรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง
เรื่องราวในกรณีนี้แม้คดีจะเริ่มจากข้อหาพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 แต่ปรากฏว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความในคดีการกระทำของนายเสือเป็นเพียงการพยายามทำร้ายร่างกายนายไก่เท่านั้น ย่อมพอสันนิษฐานได้ว่าแม้เกิดเหตุเฉี่ยวชนจนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างของนายไก่ไถลออกนอกทางแต่คงไม่ทำให้นายไก่ได้รับบาดเจ็บจึงทำให้เป็นความผิดเพียงฐานพยายามทำร้ายร่างกายเท่านั้น
สำหรับในส่วนของค่าสินไหมทดแทนที่นายไก่ยื่นคำร้องขอให้ชดใช้นั้น เมื่อปรากฏว่านายไก่ไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะเป็นเพียงการพยายามทำร้ายร่างกาย นายไก่จึงไม่ได้รับชดใช้ค่าเสียหายต่อร่างกาย แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลต่อจิตใจของนายไก่ให้เกิดความหวาดกลัวกระทบกระเทือนจิตใจได้จากการเจตนาขับรถมาเฉี่ยวชนของนายเสือ นายไก่จึงมีสิทธิได้รับชดใช้ค่าสินไหมดแทนเพื่อชดเชยการกระทบกระเทือนต่อจิตใจเป็นเงิน 10,000 บาท
ค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายดังกล่าวนี้คงเป็นเรื่องปกติที่จะเรียกร้องและกำหนดให้ได้เพราะแม้การกระทำของนายเสือจะไม่ส่งผลร้ายแรงต่อนายไก่แต่ถือเป็นการกระทำละเมิดด้วยลักษณะหนึ่ง นายเสือจึงควรจะต้องชดใช้เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่นายไก่ด้วย
ปัญหาที่น่าสนใจในกรณีนี้คงเป็นในส่วนค่าเสียหายที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่เรียกร้องมาอีก 20,000 บาท ข้อเท็จจริงเท่าที่ปรากฏไม่ทราบได้ว่าความเสียหายที่ว่ามีมากน้อยเพียงใด แต่หากพิจารณาประกอบกับการที่นายไก่ไม่ได้รับบาดเจ็บและการกระทำของนายเสือเป็นความผิดเพียงฐาน “พยายามทำร้ายร่างกาย” เท่านั้น อาจจะพอสื่อได้ว่าความเสียหายแก่ตัวรถก็อาจจะไม่มากเช่นกัน เพราะไม่เช่นนั้นน่าจะเกิดอันตรายแก่ตัวนายไก่จนเป็นการทำร้ายร่างกายแล้ว
ข้อสำคัญที่เกิดจากกรณีนี้คือ การที่รถเสียหายซึ่งหากเกิดจากการกระทำโดยเจตนาของนายเสือแล้ว การกระทำนั้นจะเป็นความผิดอาญาอีกฐานหนึ่งคือ “ทำให้เสียทรัพย์” แต่คดีนี้พนักงานอัยการฟ้องมาเฉพาะในข้อหาพยายามฆ่าเท่านั้น
การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 44/1 นี้เป็นการเรียกร้องมาในคดีอาญาที่พนักงานอัยการฟ้อง การดำเนินคดีจึงต้องมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์เกิดจากการกระทำที่เป็นข้อหาหรือฐานความผิดที่พนักงานอัยการฟ้องเข้ามาด้วย ดังนั้น เมื่อค่าเสียหายที่เกี่ยวกับการซ่อมรถนี้เกี่ยวโยงกับความผิดอีกฐานหนึ่งคือ “ทำให้เสียทรัพย์” ที่พนักงานอัยการไม่ได้ฟ้องจึงเป็นค่าสินไหมทดแทนที่ไม่อาจเรียกร้องรวมกันมาในคดีอาญาเรื่องนี้ได้
การที่ไม่อาจเรียกร้องรวมกันมาได้นี้คงไม่ได้หมายความว่าผู้เสียหายจะไม่มีสิทธิเรียกร้อง เพียงแต่การดำเนินการอาจจะต้องทำแยกต่างหากจากคดีที่พนักงานอัยการฟ้องเท่านั้น ซึ่งก็น่าจะมีความเหมาะสม เพราะหากเป็นเรื่องใดที่พนักงานอัยการไม่ได้ฟ้องแล้วโดยสภาพข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนนั้นก็อาจจะมีไม่มากเพียงพอที่จะพิจารณาได้
ข้อสังเกตประการหนึ่งคือการที่พนักงานอัยการไม่ได้ฟ้องในฐานความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์อาจจะเกิดจากข้อเท็จจริงที่สอบสวนได้ความมาแต่ต้นไม่เพียงพอที่จะดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าวได้ก็เป็นไปได้ ดังนั้น การจะดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายจึงควรต้องไปพิสูจน์กันต่างหากที่อาจจะมีข้อเท็จจริงอย่างอื่นนอกเหนือจากที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนก็ได้
ข้อสังเกตอีกประการคงมีได้ว่าการที่จะถือว่าเป็นค่าสินไหมทดแทนที่เกี่ยวข้องหรือเกิดจากความผิดที่พนักงานอัยการฟ้องหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของข้อเท็จจริงที่ต้องดูเป็นรายกรณีด้วยว่าจะถือได้หรือไม่ว่าเกิดจากการกระทำความผิดฐานนั้นแล้ว
ดังนั้น การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 44/1 ในคดีอาญาที่พนักงานอัยการฟ้องจึงต้องเป็นค่าเสียหายส่วนที่เกี่ยวพันกับกับข้อหาหรือฐานความผิดที่พนักงานอัยการฟ้องด้วย หากเป็นค่าเสียหายเกี่ยวกับข้อหาหรือฐานความผิดอื่นที่ไม่ได้มีการฟ้องร้องก็จะเรียกร้องรวมกันไปในคดีนั้นไม่ได้
(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2564)

Комментарии

Информация по комментариям в разработке